ซุนวู หรือ ซุนจื่อ (Sun Tzu) มีชื่อว่า อู่ ( Wu ) เกิดในสมัยขงจื้อ (551-497 ปีก่อน ค.ศ.) ซุนวูเป็นชาวเล่ออาน (อำเภอฮุ่ยหมิน มลฑลซานตงในปัจจุบัน) ในแคว้นฉีปลายยุคชุนชิว (770-476ปีก่อนค.ศ.) ยุคชุนชิวเป็นยุคที่สังคมจีนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากระบบศักดินาเข้าแทนที่ระบอบทาส จึงมีการรบราฆ่าฟันกันอย่างใหญ่ระหว่างพวกทาสกับเจ้าที่ดินใหม่ ราษฎรต้องเดือดร้อนไปทั่วแคว้น
ซุนวู เกิดในตระกูลเถียนซึ่งเป็นตระกูลของชนชั้นเจ้าที่ดินในแคว้นฉีและเป็นตระกูลสูงศักดิ์ที่มีความรู้และประสบการณ์ทางทหารที่ลึกซึ้งกว้างไกล
เถียนอ๋วน บรรพบุรุษของซุนวูเคยเป็นเจ้าครองแคว้นเฉินซึ่งต่อมาลี้ภัยมาที่แคว้นฉี ฉีหวนกงผู้ครองแคว้นฉีสมัยนั้นจึงแต่งตั้งให้เป็นขุนนางและต่อมาหลายชั่วอายุคน
ตระกูลเถียนก็กลายเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลในแคว้นฉี เถียนซู คนรุ่นที่ 5 ซึ่งเป็นปู่ของซุนวูรบชนะสงครามระหว่างแคว้นฉีกับแคว้นจี่ได้รับความดีความชอบ ฉีจิ่งกง
ผู้ครองแคว้นจึงมอบเขตเล่ออันให้เถียนซูไปครองเมือง ตั้งให้ใช้แซ่ว่า ซุน
ตระกูลเถียนก็เปลี่ยนแซ่เป็นซุนตั้งแต่นั้น
ต่อมาแคว้นฉีเกิดจลาจลซุนวูหลบหนีออกจากแคว้นฉีไปอยู่แคว้นอู๋บริเวณชานเมืองกูซู
(เมืองซูโจว มณฑลเจียงซูในปัจจุบัน) เมื่อไปอยู่ที่นั่นซุนวูใช้ชีวิตแบบเร้นกาย
ศึกษาตำราพิชัยสงครามขณะเดียวกันซุนวูได้คบหากับขุนพลมีชื่อของแคว้นอู๋ชื่อ อู๋จื่อซี่
ทั้งคู่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ยุทธศาสตร์ทางทหารอย่างลึกซึ้งจนสนิทสนมกัน
ในปี 516 ก่อนคริสตกาล อู๋อ๋องเหอหลีขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าแคว้นอู๋ตัดสินใจทำสงครามกับแคว้นฉู่
แต่ยังวิตกกังวลเพราะหาแม่ทัพออกศึกไม่ได้ อู๋จื่อซี่จึงเสนอตัวซุนวูแก่เหอหลีถึง 7
ครั้งว่าเป็นผู้สมควรแก่ตำแหน่ง
เหอหลีจึงได้เรียกตัวซุนวูมาพบในที่สุดซุนวูเข้าพบอู๋อ๋องเหอหลีพร้อมด้วยตำราพิชัยสงคราม
13 บท ที่เขาเขียนขึ้น เนื้อหาในตำราเปี่ยมด้วยข้อคิดแปลกใหม่ไม่ธรรมดาและซุนวูยังตอบปัญหาของเหอหลีได้อย่างคล่องแคล่ว
เหอหลีพอใจอย่างยิ่งจึงแต่งตั้งให้ซุนวูเป็นแม่ทัพตั้งแต่บัดนั้น
เมื่อซุนวูได้เป็นแม่ทัพแล้วก็ได้สร้างความดีความชอบในสงครามเป็นอย่างมาก ซื่อหม่าเชียน นักประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ในช่วง 200 ปี ก่อนคริสตกาลว่า ซุนวูทางตะวันตกสยบฉู่ ทางเหนือคุกคามแคว้นฉีกับแคว้นจิ้น มีชื่อเสียงเลื่องลือไปในหมู่เจ้าครองแคว้น ซุนวูผ่านชีวิตสงครามมาตลอด 30 ปี จนถึงปี 482 ก่อนคริสตกาลก็มาถึงวาระสุดท้ายของซุนวูที่ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับกลสาวงามอย่างไซซี ที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 4 ยอดหญิงงามของจีน
หลังจากเหอหลีถึงแก่กรรม อู๋อ๋องฟูซาโอรสของเหอหลีขึ้นครองราชย์แทน ฟูซาเป็นคนเย่อหยิ่ง จองหอง ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเพื่อแสวงหาความสำราญ มักมากในกามคุณ ลุ่มหลงสาวงาม ขาดคุณธรรมปกครองบ้านเมือง ซุนวูจึงมิอาจทนพฤติกรรมของฟูซาได้ เขาจึงหลบหนีไปปลีกวิเวก สันโดษในป่าลึก ใช้ชีวิตอย่างสงบและก็ไม่ได้ออกมาปรากฏแก่สายตาของผู้ใดอีกเลย ปัจจุบันศพของซุนวูถูกฝังไว้อยู่ที่อำเภออู๋ มณฑลเจียงซู
ตำราพิชัยสงครามซุนวูนี้ถือเป็นคัมภีร์อภิมหาอมตะนิรันดร์กาล เป็นตำรายุทธศาสตร์ทางทหารที่เก่าแก่ที่สุดและดีที่สุดในโลกและเป็นตำราที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประเทศจีนนับแต่โบราณกาลยุคสมัยสามก๊กจนถึงปัจจุบัน ยอดนักการทหารของจีน เช่น โจโฉ ขงเบ้ง ล้วนยึดถือตำราพิชัยสงครามซุนวูเป็นหลักในการบัญชาการรบทั้งสิ้นแม้แต่ต่างประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่นำตำรานี้ไปเปิดสอน สหรัฐอเมริกานำตำราพิชัยสงครามสงครามบรรจุไว้ในหลักสูตรการทหาร ประเทศทางตะวันตกก็มีพระเจ้านโปเลียน โบนาปาร์ต ผู้กระหายสงคราม สมัยศตวรรษที่ 19 ก็เคยอ่านตำราพิชัยสงครามซุนวูมาก่อนและนำไปใช้ต่อสู้เอาชนะมาทั่วยุโรป พระเจ้าไกเซอร์ แห่งเยอรมัน หลังแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ถึงกับอุทานว่าหากเราได้อ่านตำราพิชัยสงครามซุนวูก่อนหน้านี้เราก็มิต้องถึงกับสูญชาติ ประธานเหมาเจ๋อตุงพลิกตำราของซุนวู นำไปใช้อย่างกลับหัวกลับหางสู้รบอย่างยืดเยื้อกับ เจียง ไค เช็ค จนได้รับชัยชนะ
ตำราพิชัยสงครามซุนวูประสบความสำเร็จอย่างสูงส่งที่ทั่วโลกยอมรับนับถือ มีคุณค่า มีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อตำราพิชัยสงครามในสมัยต่อมา ด้วยเหตุนี้ซุนวูจึงได้ชื่อว่า ปฐมาจารย์พิชัยสงคราม ภาษาในตำราพิชัยสงครามซุนวูได้รับการยกย่องว่าเป็นภาษาหนังสือที่ดีที่สุด ถ้อยคำสั้น รัดกุม มีลีลาสง่างามทั้งเฉียบคม ดุเดือด เข้มแข็ง และได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน รัสเซีย เช็ค ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม ไทย และภาษาอื่นอีกหลายภาษา
ปัจจุบันยุทธศาสตร์และปรัชญาในตำราพิชัยสงครามซุนวู 13 บท ได้ถูกประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางในวงการทหาร การเมือง การปกครอง การบริหารธุรกิจ ชีวิต การงาน จนประสบผลสำเร็จมาแล้วมากมาย หลักคำสอนของซุนวูไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อใช้ในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งเท่านั้นแต่คำสอนทั้งหมดยังใช้ได้กับทุกสถานการณ์ซึ่งตรงกับเจตนารมณ์ของเขาที่สอนว่า ยุทธศาสตร์ไม่ใช่การวางแผนเพื่อลงมือทำเพียงอย่างเดียวแต่ควรตอบสนองอย่างรวดเร็วและสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างทันท่วงที
และถ้าพิจารณาให้ดีแล้วจะเห็นว่าการศึกษาตำราพิชัยสงครามซุนวูอย่างละเอียดลึกซึ้งไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดสติปัญญา เข้าใจเหตุการณ์ต่าง ๆในโลกนี้ได้ง่ายแล้วยังสามารถนำความรู้นั้นนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามความรู้ทุกอย่างมีทั้งคุณอนันต์และโทษมหันต์เปรียบเหมือนดาบสองคม
มีทั้งด้านดีและไม่ดี หากนำไปใช้ในทางที่ผิดจะเกิดความเสียหายอย่างมาก
ผู้ใช้จึงควรระมัดระวัง อย่านำไปใช้ในทางที่ผิด ขอให้นำไปใช้ในทางที่ดี ถูกต้อง
เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น สังคมนี้จะอยู่กันอย่างสงบสุข