กลยุทธ์ที่ 1 ปิดฟ้าข้ามทะเล
สร้างภาพลวงให้ศัตรูเห็นจนชินตา
สิ่งที่ตนเตรียมพร้อมอย่างรอบด้านแล้วจิตใจมักจะหย่อนยาน สิ่งใดที่เห็นจนชินตาในยามปกติก็มักจะไม่ติดใจสงสัยในสิ่งนั้นอีกต่อไปจึงเกิดความประมาท ไม่ระวังป้องกัน มองข้ามศัตรูไปอย่างง่ายดาย เราจำเป็นต้องสร้างภาพลวง สร้างสถานการณ์หลอกโดยปกปิดความจริงและต้องรอคอยอย่างใจเย็นเมื่อถึงเวลาจึงฉกฉวยโอกาสที่ข้าศึกประมาทแล้วเข้าโจมตีทันที
กลยุทธ์นี้มีที่มาจากฮ่องเต้ถังไท่จง (ค.ศ. 599-649) แห่งราชวงศ์ถังจะเสด็จไปทำศึกกับเกาหลี ระหว่างเดินทางน้ำทัพเรือหลวงเจอกับกระแสคลื่นลมแรงจนทำให้ฮ่องเต้เวียนหัวก็ทรงท้อพระทัย ซิยิ่นกุ้ย นายทหารติดตามจึงออกอุบายปลอมตัวเป็นคนชราหลอกให้ฮ่องเต้ไปพักที่บ้านตนและจัดสุราเลี้ยงต้อนรับฮ่องเต้จนเมามายหลับไป พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าบ้านคนชราโคลงเคลง มีเสียงคลื่นลมแต่ก็คิดว่าตนเองเมาเองจึงไม่ได้สงสัย เวลาผ่านไปซิยิ่นกุ้ยจึงเข้ามาขออภัยโทษ บอกว่ากระหม่อมเพียงต้องการให้พระองค์คุ้นชินกับคลื่นลมเท่านั้น พอทราบดังนั้นฮ่องเต้ถังไท่จงก็รู้สึกพอพระทัยมากที่อุบายนี้ทำให้พระองค์หายเมาเรือจึงปูนบำเหน็จซิยิ่นกุ้ยและขุนนางอื่นเป็นจำนวนมาก
ข้อคิดดัมมี่ ♠ วางแผนการสร้างภาพลวง ปิดบัง อำพราง ซ่อนเร้นได้แนบเนียนไม่ให้มีพิรุธ และอย่าคิดว่าตนเองนั้นเก่งที่สุดแล้วจะทำให้เกิดความประมาท ควรพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ
ข้อคิดการบริหาร ทำให้คู่แข่งตายใจคิดว่าไม่มีอะไร เราเคลื่อนไหวลับ ๆ ค่อย ๆ แทรกซึมไม่ให้รู้ เมื่อถึงเวลาก็เปิดแผนการหรือสิ่งใหม่เช่น เตรียมแผนธุรกิจสำคัญไว้ ไม่ให้ใครรู้ก่อนถึงเวลาจึงเปิดตัว เปลี่ยนแปลงสิ่งเล็กน้อยก่อนที่ดูเหมือนเป็นปกติเพื่อไม่ให้พนักงานหรือคู่แข่งรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
กลยุทธ์ที่ 2 ล้อมเว่ยช่วยจ้าว
แยกศัตรูออกไปแล้วจึงบุกโจมตี
การที่ศัตรูรวบรวมกำลังไว้เป็นจุดศูนย์กลางของกองทัพ ทำให้มีกำลังเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น ควรที่จะใช้กลยุทธ์ในการดึงแยกศัตรูให้แตกออกจากกันเพื่อให้กำลังไพร่พลกระจัดกระจาย คอยห่วงหน้าพะวงหลังแล้วจึงบุกเข้าโจมตี อย่าปะทะข้าศึกซึ่งหน้า บุกก่อนมิสู้ตอบโต้ภายหลัง เอากำลังน้อยชนะกำลังมาก สร้างความสับสนวกวนให้กับข้าศึก
กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ของซุนปิน ยอดนักการทหารผู้สืบเชื้อสายมาจากซุนวู มีเรื่องราวว่าในสมัยจ้านกว๋อ (475 - 221 ปีก่อน ค.ศ.) แคว้นเว่ยยกทัพตีแคว้นจ้าว แคว้นจ้าวขอความช่วยเหลือจากแคว้นฉี อ๋องแห่งแคว้นฉีจึงส่งซุนปินเป็นที่ปรึกษาร่วมเดินทางไปกับแม่ทัพเถียนจี้เพื่อไปช่วยแคว้นจ้าว ซุนปินแนะนำว่าอันการศึก ควรเลี่ยงแข็ง ตีอ่อน ข้าศึกที่เข้มแข็งรวมศูนย์อยู่มิสู้หาทางเคลื่อนย้ายกระจายกำลังข้าศึกออกไปเสียก่อนแล้วจึงเข้าตี เถียนจี้เห็นดีงามด้วยจึงฉวยโอกาสที่ทัพแคว้นเว่ยอยู่แคว้นจ้าว บุกเข้าตีเมืองหลวงของแคว้นเว่ย ทัพแคว้นเว่ยจำต้องถอยทัพจากแคว้นจ้าวกลับมา ในระหว่างทาง ทหารทัพแคว้นฉีก็บุกจู่โจมจนทัพแคว้นเว่ยแตกพ่ายยับเยิน ในที่สุดแคว้นจ้าวก็ปลอดภัย
ข้อคิดดัมมี่ ♠ หลีกเลี่ยงการปะทะเมื่ออีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่า ถือไพ่เหนือกว่า ค้นหาจุดอ่อนของเขาให้ได้และโจมตีจุดอ่อนนั้นเช่น เมื่อขาล่างเล่นมืดให้เกิดเลี่ยงหนีหรือตีปี้ให้เขาเกิดเพื่อลดแรงปะทะ
ข้อคิดการบริหาร หลักการแบ่งแยกแล้วปกครองคือการใช้กลยุทธ์ต่างๆ ให้อยู่ผู้อื่นอยู่ใต้อำนาจ เช่น การยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชัง การเล่นพวกพ้อง ให้การสนับสนุนพวกเดียวกัน การใช้ผลประโยชน์เข้าล่อ ซื้อตัวให้มาเป็นพรรคพวกเดียวกัน การทำให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเกิดความอ่อนแอเพื่อปกครองได้ง่าย
การจัดการความขัดแย้งเพื่อลดความตึงเครียด ผู้บริหารอาจโยกย้ายตำแหน่งพนักงานที่มีปัญหาโดยไม่บอกให้ชัดว่าเขามีปัญหาอะไร หรือให้ถอยคนละก้าว มอบหมายงานให้คู่ขัดแย้งทำร่วมกันเพื่อประโยชน์ที่ใหญ่กว่าและเสริมสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้น
กลยุทธ์ที่ 3 ยืมดาบฆ่าคน
ให้ผู้อื่นไปจัดการศัตรูแทน
การกำจัดศัตรูที่มีความเข้มแข็งและแข็งแกร่ง ไม่จำเป็นที่จะต้องจัดการด้วยตนเอง พึงยืมกำลังของผู้อื่นเป็นฝ่ายจัดการศัตรูโดยไม่ต้องออกแรงเพื่อเป็นการรักษากำลังของตนเองไว้หรือที่สุดยอดกว่าคือ ยืมแรงจากศัตรูสร้างความแตกแยกสังหารกันเองภายใน การยืมกำลังต้องทำอย่างแยบยล แนบเนียน มิฉะนั้นแล้วก็ไม่อาจทำลายศัตรูได้กลับอาจถูกศัตรูย้อนรอย
สำนวนยืมดาบฆ่าคนเป็นสำนวนวรรณคดีจากละครสมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368 - 1644) เรื่อง ซานจู้จี้ มีเรื่องราวว่า ฟ่านจ้งเอียน รองอัครมหาเสนาบดีแห่งราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960 - 1279) ประณามขุนนางกังฉินหลื่ออี๋เจียนซึ่งเป็นอัครมหาเสนาบดีอย่างรุนแรง ขณะนั้นทัพเผ่าชนซีเซี่ยทางตะวันตกบุกมาตีราชวงศ์ซ่ง เซี่ยซ่งคนสนิทของหลื่ออี๋เจียนจึงแนะหลื่ออี๋เจียนให้ทูลฮ่องเต้ส่งฟ่านจ้งเอียนซึ่งเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นไปรบกับเผ่าชนซีเซี่ยหวังจะให้ทหารซีเซี่ยฆ่าตาย เซี่ยซ่งกล่าวแก่หลื่ออี๋เจียนว่า "นี่คือการยืมดาบฆ่าคน ทั้งแสดงให้เห็นว่าท่านยกย่องเขาทั้งที่เขาด่าท่าน กลยุทธ์นี้ท่านเห็นเป็นอย่างไร" จึงเกิดสำนวน ยืมดาบฆ่าคน ตั้งแต่นั้นมา แต่ฟ่านจ้งเอียนรอดชีวิตกลับมาได้
ข้อคิดดัมมี่ ♠ ให้ทั้งสองฝ่ายฟาดฟันกันเอง ให้เสียกันทั้งคู่ ผู้แพ้เสียหาย ผู้ชนะบาดเจ็บ คนที่ได้ประโยชน์คือเราเช่น ส่งหอกให้ตีโง่ บีบให้ตีเต็มชุด หลอกให้อมสเปโต
ข้อคิดการบริหาร ใช้พลัง อำนาจ ทรัพยากรของผู้อื่น กำจัดคู่แข่ง อุปสรรค ปัญหาแทนตนเองซึ่งหากลงมือเองอาจเสี่ยงเจ็บตัวหรือเสียชื่อเสียงได้เช่น การใช้บุคคลที่สามเป็นที่ปรึกษาหรือจัดการคู่แข่ง การยื่นร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากำกับดูแล การสร้างแนวร่วมพันธมิตรเป็นตัวแทนเปิดประเด็นโจมตี
กลยุทธ์ที่ 4 รอซ้ำยามเปลี้ย
รอจนศัตรูอ่อนแรงจึงรุกเข้าโจมตี
ข้อคิดดัมมี่ ♠ รู้จักเล่นรุกและรับอย่างมีระบบ รอคอยอย่างมีความหวัง เมื่อเห็นอีกฝ่ายเล่นเสีย ตีไพ่ผิดพลาด พลั้งเผลอไม่ระวังจึงเป็นโอกาสของเราที่จะซ้ำเติม
ข้อคิดการบริหาร รอให้คู่แข่งเกิดความผิดพลาดของตนเอง แล้วจึงฉวยโอกาสดำเนินการ เช่น รอให้คู่แข่งเปิดตัวธุรกิจที่ลงทุนมหาศาลไปแล้วแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เราเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นและออกตัวธุรกิจที่เหมาะสมกว่าซึ่งอาจใช้ทุนน้อยกว่าหรือมีประสิทธิภาพมากกว่า
เมื่อคู่แข่งเผชิญกับปัญหาภายใน เราสามารถใช้ช่วงเวลานั้นเพื่อเสริมสร้างแบรนด์ หรือดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถจากคู่แข่งมาเป็นของเรา
กลยุทธ์ที่ 5 ตีชิงตามไฟ
เห็นว่าศัตรูอ่อนแอจึงเข้าชิงโจมตี
ศัตรูยังอยู่ในสถานการณ์ที่อ่อนแอและย่ำแย่ ควรรีบฉกฉวยโอกาสนำทัพเข้าโจมตีเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ หากสถานการณ์เรายังไม่ได้เปรียบให้สร้างสถานการณ์ให้เป็นฝ่ายได้เปรียบก่อน เมื่อข้าศึกยังไม่อ่อนแรงต้องทำให้อ่อนแรง ต้องทำให้ข้าศึกเกิดวิกฤต สร้างข่าวลือ ยุยงเกิดความระแวงสงสัย ขัดแย้งกันภายใน และเมื่อจุดอ่อนของข้าศึกปรากฏชัดให้กระหน่ำซ้ำเติมอย่าให้ตั้งตัว
ตีชิงตามไฟเป็นสำนวนอยู่ในนิยายจีนเรื่องไซอิ๋วเขียนโดยอู๋เฉิงเอินแห่งราชวงศ์หมิง ความเป็นมาของเรื่องราวมีดังนี้ เห้งเจียหรือซุนหงอคงมีหน้าที่พิทักษ์พระถังซำจั๋งไปแสวงหาคัมภีร์ทางตะวันตก เข้าไปขอพักอยู่วัดแห่งหนึ่งระหว่างทาง สมภารวัดนั้นชอบสะสมผ้ากาสาวพัสตร์ สมภารเห็นผ้ากาสาวพัสตร์ของพระถังซำจั๋งเปล่งแสงแวววาวก็อยากคิดจะชิงเอาจึงอ้อนวอนขอยืมผ้ากาสาวพัสตร์ไว้ชมคืนหนึ่ง หลังจากนั้นก็สั่งลูกศิษย์เผาวัดเพื่อคลอกคณะของพระถังซำจั๋ง ปีศาจซึ่งอยู่ใกล้กับวัดนั้นชอบพอกับสมภารเห็นวัดไฟใหม้ก็ออกมาช่วยแต่พอพบผ้ากาสาวพัสตร์วิเศษเข้าก็เลิกล้มความคิดที่จะช่วยดับไฟกลับฉวยโอกาสลักเอาผ้ากาสาวพัสตร์วิเศษนั้นไปเสีย สำนวนตีชิงตามไฟจึงเกิดขึ้น
ข้อคิดดัมมี่ ♠ หากตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากต้องระวังอย่างยิ่งไม่ให้ลุกลามหนักกว่าเดิมอาจจะถูกซ้ำเติมได้อีก พยายามพลิกวิกฤตเป็นโอกาสกลับมาให้ได้
ข้อคิดการบริหาร ฉวยโอกาสชิงความได้เปรียบ ใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสเมื่อคู่แข่งกำลังมีปัญหาการเงินหรือขาดทุนเช่น เข้าชิงตลาดเมื่อคู่แข่งยังไม่พร้อม เจรจาซื้อกิจการในราคาถูกเพื่อขยายตลาด ใช้แนวโน้มตลาดเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในช่วงเวลาที่ลูกค้ากำลังมองหาทางเลือกเทคโนโลยีใหม่
กลยุทธ์ที่ 6 ส่งเสียงบูรพา ฝ่าตีประจิม
หลอกล่อให้ศัตรูเข้าใจผิด
กลยุทธ์ที่ 7 มีในไม่มี
สร้างความเข้าใจผิดแก่ศัตรู
การใช้ภาพลวงเพื่อเสแสร้งปกปิดภาพจริงในการหลอกล่อศัตรูให้หลงเชื่อ เกิดความเข้าใจผิด แปรเปลี่ยนจากลวงเป็นจริง จากจริงเป็นลวง เป็นการหลอกล่อทั้งในทางลับและเปิดเผย ใช้กลลวงในจริงมีเท็จ ในเท็จมีจริง จริงคือเท็จ เท็จคือจริง สลับกันไป แม้จะไม่มีก็แสร้งลวงว่ามีทำให้ข้าศึกสับสนหลังจากนั้นเมื่อได้จังหวะเหมาะสมก็ให้รีบเปลี่ยนภาพจริงทันทีแล้วโจมตีข้าศึกโดยไม่ทันรู้ตัว
กลยุทธ์มีในไม่มีเป็นสำนวนของเล่าจื๊อ นักปรัชญาชาวจีนผู้ก่อตั้งลัทธิเต๋าสมัยชุนชิวซึ่งเขียนไว้ในคัมภีร์เต๋าเต๋อจิงว่าสรรพสิ่งในโลกเกิดจากมี มีเกิดจากไม่มี ต่อมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังก็มีคนนำกลยุทธ์นี้มาใช้ในทางทหารทั้งนี้เพราะในคัมภีร์เต๋าเต๋อจิงจากจำนวน 81 บทมี 20 บทที่ได้กล่าวถึงการทหารโดยใช้สำนวนปรัชญาอย่างคลุมเครือและในบทอื่นก็มีความเกี่ยวพันไปถึงกลยุทธ์ทางทหารและความคิดทางยุทธวิธีอยู่ไม่น้อย กลยุทธ์มีในไม่มีนี้เน้นการทำให้ฝ่ายตรงข้ามสับสน เช่นการสร้างข่าวลวง แสร้งทำเป็นอ่อนแอแล้วหาจังหวะโต้กลับทันที ดังตัวอย่างในสามก๊กเมื่อครั้งที่โจโฉปล่อยข่าวหลอกลิโป้ว่าเขาตายแล้วทำให้ลิโป้หลงกลยกทัพมาไม่ระวังจึงถูกทัพโจโฉโอบล้อมตีแตกพ่ายยับเยิน
ข้อคิดดัมมี่ ♠ ใช้ภาพลวงหลอกล่อ จริงบ้างเท็จบ้าง ทำให้ลังเลไม่แน่ใจสับสน เดาทางไม่ถูก เรารอให้หลงกลแล้วจึงเปิดเผยความจริงออกมาเช่น แกล้งทำเป็นลงโชว์ผิดแต่กลับลงกินจริง
ข้อคิดการบริหาร สร้างความน่าเชื่อถือหรือมูลค่าจากสิ่งที่ยังไม่มีตัวตนจริง เช่น ออกข่าวลือหรือข้อมูลที่คลุมเครือเพื่อโปรโมตเกี่ยวกับสินค้าใหม่ ทั้งที่ยังไม่เสร็จ ให้ดูน่าเชื่อถือก่อนเปิดตัวจริงทำให้เกิดไวรัลคอนเทนต์ เป็นการตลาดแบบปากต่อปากและลูกค้ารู้สึกตื่นเต้นอยากจะได้สินค้าตัวนั้น
กลยุทธ์ที่ 8 ลอบตีเฉินชาง
โจมตีจุดที่ศัตรูไม่ระวัง
การมองหาจุดที่ศัตรูระมัดระวังน้อยที่สุดเป็นหนทางหนึ่งของการสู้รบให้ได้มาซึ่งชัยชนะ แสร้งทำเป็นนำกำลังทหารบุกเข้าโจมตีทางด้านหน้าแต่ลอบนำกำลังทหารบุกเข้าโจมตีในพื้นที่ที่ศัตรูไม่ทันคาดคิดและไม่สนใจวางแนวกำลังป้องกัน เราทำการรบอย่างวกวน เปิดการเคลื่อนไหวให้ข้าศึกเห็นและให้ข้าศึกเผยจุดอ่อนซึ่งเป็นโอกาสให้เราโจมตีจุดอ่อนนั้นไปเรื่อย ๆ จนได้รับชัยชนะ
กลยุทธ์ลอบตีเฉินชางมีที่มาจากเหตุการณ์สมัยราชวงศ์ฉิน (221 - 207 ปีก่อน ค.ศ.)หลังจากจิ๋นซีฮ่องเต้ถูกโค่นล้มไป มีการรบกันเพื่อแย่งชิงอำนาจระหว่างเสี้ยงหยี่กับหลิวปัง หลิวปังสู้ไม่ได้จึงยอมสวามิภักดิ์ครั้นพอสบโอกาสหลิวปังก็พาไพร่พลของตนตีจากเสี้ยงหยี่หนีเข้าไปในเสฉวน ภูมิภาคของเสฉวนเป็นภูเขาซับซ้อนต้องใช้ไม้สร้างเป็นทางเข้าไป พอไปถึงเสฉวนก็เผาทางไม้นี้ทิ้ง ต่อมาหลิวปังตัดสินใจที่จะแย่งชิงอำนาจกับเสี้ยงหยี่จึงแต่งตั้งให้หานซิ่นเป็นแม่ทัพ หานซิ่นวางแผนซ่อมทางไม้ทำทีว่าจะใช้ทางนั้นกลับมาโจมตีอีกครั้ง เสี้ยงหยี่คิดว่าเป็นจริงจึงนำกำลังมาดักรอไว้ แต่หารู้ไม่ว่า หานซิ่นนำทัพใหญ่มาตามเส้นทางลัดคดเคี้ยวที่ชื่อเฉินชางเมื่อมาถึงก็จู่โจมทัพเสี้ยงหยี่จนแตกพ่ายไป
ข้อคิดดัมมี่ ♠ แสร้งทำทีว่าใช้แผนนี้ให้เห็นแต่ความจริงใช้อีกแผนหนึ่งได้จังหวะจู่โจมอย่างคาดไม่ถึงเช่น เก็บไพ่ให้ขาบนคิดว่าไม่คอยโง่แต่จริง ๆ แล้วคอย
ข้อคิดการบริหาร หลีกเลี่ยงจุดแข็ง โจมตีจุดอ่อน เช่น หลีกเลี่ยงตลาดที่ไม่สามารถแข่งขันได้ ชูประเด็นในธุรกิจหรือสินค้าที่เหนือกว่าคู่แข่งให้เห็นได้ชัดเจน เช่น ราคาถูกกว่า ประสิทธิภาพเหนือกว่า การบริการดีกว่า การตอบแทนมากกว่า
กลยุทธ์ที่ 9 นั่งภูดูเสือกัดกัน
ดูความขัดแย้งภายในของศัตรูแล้วชิงเอาผลประโยชน์
การใช้โอกาสที่ศัตรูเกิดการแตกแยก วุ่นวายอย่างหนักภายในกองทัพ พึงรอจังหวะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสงบ จับตาดูความเคลื่อนไหวของศัตรูทุกฝีก้าว ถ้าศัตรูเกิดความระแวงและใช้กำลังเข้าห้ำหั่นกันเองภายในกองทัพ ในช่วงเวลานี้เราเตรียมความพร้อมในกองทัพไว้ล่วงหน้า ช่วงชิงชัยชนะมาเป็นของตนโดยใช้การเปลี่ยนแปลงของศัตรูให้เป็นประโยชน์
ตำนานของกลยุทธ์นั่งภูดูเสือกัดกันเกิดขึ้นในสมัยชุนชิว แคว้นหานกับแคว้นเว่ยรบกันอยู่เป็นเวลานานก็ยังไม่รู้แพ้รู้ชนะ ฉินฮุ่ยอ๋องแห่งแคว้นฉินคิดอยากจะส่งทหารไปช่วยจึงปรึกษาเฉินเจิ่นอัครมหาเสนาบดีว่าควรจะทำอย่างไร เฉินเจิ่นจึงเล่านิทานให้ฟังว่า กาลครั้งหนึ่งมีคนชื่อเปี่ยนจวงจื่อเห็นเสือสองตัวกำลังกินวัวอยู่คิดอยากจะชักดาบฆ่าเสือให้ตายทั้งสองตัวแต่มีคนมาทักว่าไม่ต้องรีบร้อน อีกสักครู่เมื่อมันกินวัวหมดแล้วก็จะต้องกัดกันเองในที่สุดตัวหนึ่งอาจบาดเจ็บ ตัวหนึ่งอาจตายเมื่อถึงตอนนั้นท่านก็ฆ่าตัวที่บาดเจ็บ ก็จะได้เสือมาทั้งสองตัวโดยไม่เปลืองแรง ฉินฮุ่ยอ๋องเกิดความเข้าใจทันทีจึงปล่อยให้ทั้งสองแคว้นรบกันจนบอบช้ำแล้วจึงเข้ายึดทั้งสองแคว้นภายหลัง
ข้อคิดดัมมี่ ♠ รู้จักนิ่งเงียบรอคอยโอกาสเพื่อช่วงชิงเมื่ออีกฝ่ายพลาดพลั้งเช่น ทั้ง 2 ฝ่ายต่างรอคอยโง่จึงตีปี้หัวหรือสเปโตมาให้เรากิน หรือรอให้ 2 ฝ่ายลงแต้มแข่งกันไป สุดท้ายเราเก็บไพ่ครั้งเดียวสัมผัสน็อกหรือจั่วดัมมี่น็อก
ข้อคิดการบริหาร สังเกตการณ์จากภายนอกอย่างฉลาด รอจังหวะที่เหมาะสม ก่อนเคลื่อนไหวเช่น การจัดการความขัดแย้ง ผู้บริหารควรรักษาความเป็นกลาง สังเกตพฤติกรรม เก็บข้อมูล และประเมินสถานการณ์รอให้เกิดความชัดเจนแล้วจึงค่อยเข้าไปจัดการด้วยวิธีที่เหมาะสมเช่น ปรับโครงสร้างทีมหรือเปลี่ยนผู้นำ
กลยุทธ์ที่ 10 ซ่อนดาบในรอยยิ้ม
แสร้งทำให้ศัตรูเชื่อว่าเราไม่ทำอะไร
การหลอกให้ศัตรูหลงเชื่อถึงความสงบ ไม่ให้ล่วงรู้ถึงความเคลื่อนไหวใด ๆ ของกองทัพ ทำให้ศัตรูเกิดความประมาท สูญเสียความระมัดระวังแต่เราวางแผนบุกโจมตีอย่างลับ ๆ กลยุทธ์นี้เป็นการแสร้งทำเป็นมิตร ดูยิ้มแย้มแจ่มใส ท่าทีอ่อนน้อมแต่แท้จริงจ้องหาโอกาสจะกำจัดศัตรูอยู่ตลอดเวลา บางครั้งอาจจำเป็นต้องผูกสัมพันธ์กับศัตรูรอจังหวะเผลอเมื่อไรก็แทงทันทีโดยไม่ให้รู้ตัว
สำนวนซ่อนดาบในรอยยิ้มเป็นสำนวนในบทกวีของไป่จีอี้ กวีเอกสมัยราชวงศ์ถังเขียนไว้บทหนึ่งชื่อ เทียนเข่อตู้ ถากถางหลี่อี้ฝู่อย่างไม่เกรงใจ หลี่อี้ฝู่เป็นขุนนางคนโปรดของถังเกาจงฮ่องเต้ (ค.ศ. 628 - 683) อาศัยการประจบสอพลอจนได้เป็นขุนนางใหญ่โต ต่อมาก็อาศัยอำนาจอิทธิพลก่อกรรมทำเข็ญคนอื่นด้วยวิธีลอบกัด ภายนอกก็แสดงกิริยาอาการนอบน้อม พูดจามักจะตีหน้ายิ้มแย้ม ไป่จีอี้เสียดสีหลี่อี้ฝู่ในบทกวีของตนว่า ในรอยยิ้มซ่อนดาบลอบฆ่าคน สำนวนซ่อนดาบในรอยยิ้มจึงเกิดขึ้น กลยุทธ์นี้มักจะใช้ในการลอบสังหารโดยแสดงท่าทีอันเป็นมิตรเป็นฉากบังหน้าแต่หลังฉากกลับจ้องจู่โจมถึงตาย ดังเรื่องสามก๊กเมื่อครั้ง โจโฉแอบตีสนิทตั๋งโต๊ะเพื่อลอบสังหารแต่พลาดจึงหนีไป
ข้อคิดดัมมี่ ♠ ใบหน้ายิ้มแย้ม ท่าทางนิ่งเงียบแต่แฝงด้วยอันตรายทำให้ขาบนตายใจ สิ่งที่ซ่อนไว้คือการคอยโง่หลายหน้า อย่าคิดเสี่ยงวัดดวงโดยเด็ดขาด
ข้อคิดการบริหาร ใช้ความเป็นมิตรและการปกปิดเจตนาเพื่อสร้างความได้เปรียบในการบริหารเช่น ใช้คำพูดหรือข้อเสนอที่ดูเป็นประโยชน์ร่วมกันและเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อใช้ในการตัดสินใจ หรือยื่นข้อเสนอที่ดูดีแต่แทรกข้อย่อย เงื่อนไขให้อีกฝ่ายเสียเปรียบ
กลยุทธ์ที่ 11 หลี่ตายแทนถาว
ยอมเสียสละบ้างเพื่อความสำเร็จ
เมื่อสถานการณ์สู้รบที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพื่อที่จะแปรเปลี่ยนจากสถานการณ์ที่เสียเปรียบเป็นฝ่ายได้เปรียบจึงต้องยอมเสีย "มืด" เพื่อที่จะได้ประโยชน์จาก "สว่าง" หมายถึง เมื่อสถานการณ์สู้รบจำเป็นต้องถึงคราวสูญเสีย จำเป็นต้องเสียสละส่วนหนึ่งส่วนใดของกองทัพ เสียค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อยเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับชัยชนะในทุก ๆ ด้าน
หลี่ตายแทนถาวเป็นคำตำนานมาจากหนังสือจ่อจ้วน ในสมัยชุนชิว เขียนโดยจ่อชิวหมิง บันทึกเรื่องราวตอนหนึ่งว่า เว่ยซวนกงแห่งแคว้นเว่ยมีลูกชายชื่อ จี้จื่อ ซวนกงได้กับสนมซวนเจียงมีลูกชายด้วยกัน 2 คน คนโตชื่อโซ่ว นิสัยเมตตารักจี้จื่อพี่ชายต่างมารดามาก คนเล็กชื่อซั่ว เป็นคนโหดร้าย ต่อมาซั่วกับซวนเจียงร่วมกันใส่ร้ายจี้จื่อและวางแผนให้โจรฆ่า โซ่วรู้เรื่องนี้ด้วยความรักพี่ชายจึงปลอมเป็นจี้จื่อเลยถูกโจรฆ่าตาย ต่อมาในราชวงศ์ฮั่น (206 ปีก่อน ค.ศ. - ค.ศ. 220) มีบทเพลงหนึ่งชื่อ จีหมิงได้พรรณาถึงหลี่ตายแทนถาวว่า "ต้นถาวเกิดอยู่ปากบ่อ ต้นหลี่ก็โตเคียงต้นถาว หนอนเจาะไชรากต้นถาว ต้นหลี่ตายแทนต้นถาว ต้นไม้ยังยอมตายแทนกันได้ พี่น้องหรือจะลืมกันได้"
ข้อคิดการบริหาร ใช้สิ่งทดแทนหรือเสียสละบางอย่างเพื่อรักษาสิ่งสำคัญเช่น ยอมเสียสินค้าที่มีปัญหาเพื่อรักษาภาพลักษณ์แบรนด์ ยอมเสียตำแหน่งหรือพนักงานบางคนเพื่อรักษาองค์กร ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามได้เปรียบในบางข้อเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ที่สำคัญกว่ากลับมา
กลยุทธ์ที่ 12 จูงแพะติดมือ
ข้อคิดดัมมี่ ♠ หยิบฉวยไพ่แล้วมีดัมมี่แถมมาด้วยเป็นสิ่งที่ดีแต่ต้องระวังไพ่ที่ติดมือมาด้วยอาจจะเป็นไพ่อันตรายถึงกับตีโง่ได้
ข้อคิดการบริหาร ใช้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือทรัพยากรที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์กับตนเองเช่น ในระหว่างการเจรจาธุรกิจ หากมีโอกาสที่จะได้รับข้อเสนอพิเศษเพิ่มก็ควรฉวยไว้ ให้พนักงานที่ว่างอยู่ไปช่วยอีกแผนกหนึ่งเพื่อไม่ต้องจ้างคนเพิ่ม เครื่องจักรที่ว่างอยู่ให้เปิดทำงาน
กลยุทธ์ที่ 13 ตีหญ้าให้งูตื่น
ข้อคิดดัมมี่ ♠ ถ้าเขาเล่นมืดต้องทำลายแผนการด้วยการเก็บสกัด ลงไพ่ไม่มีดัมมี่แล้วตีตัวปลอดภัย ข่มขู่ให้ตกใจกลัวไม่กล้าเล่นมืด
ข้อคิดการบริหาร ทดสอบสถานการณ์เพื่อดูปฏิกิริยา พฤติกรรม ฝ่ายตรงข้ามและนำผลมาพิจารณาก่อนตัดสินใจ เช่น ส่งสินค้าทดลองตลาดก่อนเพื่อเก็บข้อมูลหากกระแสดีค่อยเปิดตัวจริง สร้างแรงกดดันพนักงานเพื่อให้เปิดเผยบางอย่าง หรือสร้างสถานการณ์ลวงเพื่อทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาของพนักงาน
กลยุทธ์ที่ 14 ยืมซากคืนชีพ
ข้อคิดการบริหาร มองเห็นคุณค่าในสิ่งที่ถูกละเลยหรือถูกมองว่าไร้ค่าแล้วนำมาปรับปรุงให้เกิดประโยชน์ใหม่ เช่น ฟื้นฟูแบรนด์ที่เคยเป็นที่นิยมให้กลับมา ใช้ชื่อเสียงในอดีตกลับมาสร้างธุรกิจใหม่ จ้ดอบรมพนักงาน ค้นหาศักยภาพในตัวพนักงานและให้แสดงออกมา
กลยุทธ์ที่ 15 ล่อเสือออกจากถ้ำ
การใช้ภาพลวงที่จงใจสร้างขึ้นเพื่อหลอกล่อให้ศัตรูเกิดความประมาทให้ออกมาจากฐานที่มั่นคงของกองทัพ ฉกฉวยจังหวะและโอกาสที่ศัตรูเกิดความอ่อนแอ หลงเชื่อในภาพลวงที่สร้างขึ้น จึงนำกำลังบุกเข้าโจมตี ประดุจเสือเมื่อซุ่มอยู่ในถ้ำมืดยากที่จะรู้ หากบุ่มบ่ามเข้าไปอาจถูกเสือกัดตายจึงควรทำอุบายล่อให้มาติดกับดัก แม้เสือจะมีพละกำลังมากเพียงใดก็ยากที่จะหลุดรอดไปได้
สำนวนล่อเสือออกจากถ้ำสรุปมาจากข้อเขียนของก่วนจ้ง อัครมหาเสนาบดีเห่งแควันฉีสมัยชุนชิวเรื่อง สิงซื่อเจี่ย (วิเคราะห์สถานการณ์) ดังนี้ ประมุขผู้ทรงอำนาจเพราะได้ประชาชน อำนาจจึงอยู่ ไม่ได้ประชาชนอำนาจก็สิ้น เสือดุร้ายกว่าสัตว์อื่นทั้งปวงอาศัยอยู่ตามป่า มนุษย์เกรงในอานุภาพจึงไม่กล้าเข้าใกล้ เมื่อเสือห่างป่า พ้นจากที่ซ่อนตัวมาใกล้ชิดคน คนก็ปราบได้เพราะสิ้นอานุภาพ ก่วนจ้งอุปมาถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำกับมวลชนซึ่งแยกกันไม่ได้อย่างเด็ดขาด ดังเสือต้องพึ่งป่า ตัวอย่างกลยุทธ์นี้เช่น ขงเบ้งล่อสุมาอี้ให้ออกจากถ้ำมารบกันแต่สุมาอี้ยืนหยัดในการตั้งรับหรือเมื่อครั้งเตียวหุยท้ารบกับเงียมหงันวางอุบายหลอกล่อให้เงียมหงันออกมารบกับตนและชนะในที่สุด
ข้อคิดดัมมี่ ♠ ใครล่อใครกันแน่ ในขณะที่เราคิดจะล่อเขา เขาก็จะล่อเราเหมือนกัน ใครทำให้เข้าใจผิด ออกมาตามแผนที่ต้องการได้ก่อน คนนั้นชนะ
ข้อคิดการบริหาร ล่อให้ออกมาจากพื้นที่ได้เปรียบ เช่น เปลี่ยนสถานที่เจรจาให้อยุ่ในที่ๆ เราได้เปรียบ เปิดช่องทางใหม่ให้ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาแข่งขัน ล่อใจฝ่ายตรงข้ามออกมาทำสิ่งที่ไม่ถนัด ผลักดันพนักงานให้เผชิญกับสิ่งท้าทายใหม่
กลยุทธ์ที่ 16 แสร้งปล่อยเพื่อจับ
กลยุทธ์ที่ 17 โยนกระเบื้องล่อหยก
การใช้สิ่งที่คล้ายกันแต่ไร้ค่าหลอกล่อศัตรูให้เกิดความสับสน ฉวยโอกาสที่ศัตรูกำลังหลงกล ติดกับดัก ซุ่มโจมตีเอาชัยชนะโดยพลัน กลยุทธ์นี้เราคุ้นเคยกันดีคือ การอ่อยเหยื่อ ยอมสละซึ่งผลประโยชน์ที่เล็กน้อยเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ที่มากกว่า ผู้ที่โง่เขลา ขาดการไตร่ตรองอย่างละเอียด รอบคอบ ทั้งยังมีความโลภอยากได้จึงตกเป็นเหยื่อของผู้ใช้กลยุทธ์นี้อย่างง่ายดาย
โยนกระเบื้องล่อหยกเป็นสำนวนแสดงความถ่อมตัว มีเรื่องราวเล่าลือกันว่า จ้าวกู่กวีมีชื่อในสมัยราชวงศ์ถังเป็นที่ยกย่องชื่นชมแก่ฉางเจี้ยน กวีเมืองซูโจวเป็นอย่างยิ่ง เมื่อทราบว่าจ้าวกู่เดินทางมาเมืองซูโจวก็คาดว่าคงจะต้องไปเที่ยววัดหลิงเอี๋ยนสื้อ จึงเขียนบทกวีไว้ที่กำแพงวัดครึ่งบท (2 คำ) จ้าวกู่มาที่กำแพงวัดเห็นเข้าก็รู้สึกขัดตาจึงเติมอีก 2 คำจนครบบท 2 คำหลังของจ้าวกู่แต่งได้งดงามกว่า 2 คำแรก กลยุทธ์นี้เหมือนเป็นการชักนำผู้เชี่ยวชาญให้แสดงฝีมือล้ำเลิศออกมา ตัวอย่างการนำกลยุทธ์นี้มาใช้ ในสามก๊ก เช่น ขงเบ้งพึงพอใจในฝีมือของเกียงอุยมากอยากได้ตัวไว้ จึงใช้อุบายหลอกล่อให้เกียงอุยยอมสวามิภักดิ์โดยยอมเสียแฮหัวหลิมซึ่งมีฐานะเป็นราชบุตรเขยของโจโฉไป
ข้อคิดการบริหาร เสียสละเล็กน้อยเพื่อผลประโยชน์ใหญ่ เสนอส่วนเล็กๆ เพื่อสร้างความไว้วางใจและนำไปสู่ข้อตกลงที่ให้ผลประโยชน์มากกว่า ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายเช่น ให้ส่วนลด มอบของแถม แจกตัวอย่างสินค้าให้ทดลองใช้ก่อน เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสนใจและตัดสินใจซื้อสินค้าจำนวนมาก
กลยุทธ์ที่ 18 จับโจรเอาหัวโจก
การทำศึกสงคราม จักต้องบุกเข้าโจมตีศัตรูในจุดยุทธศาสตร์ของกองทัพ ศัตรูที่มีแม่ทัพฝีมือดีย่อมเป็นขวัญและกำลังใจของเหล่าทหาร การที่จะพิชิตศึกได้จะต้องพุ่งเป้าหมายไปที่ตัวแม่ทัพ เมื่อจับตัวแม่ทัพได้ก็จะสลายกำลังของศัตรูให้แตกกระจายและจะต้องทำลายให้สิ้นซาก หากปล่อยไว้อาจจะรวมตัวย้อนกลับมาโจมตีเราได้เหมือนดังปล่อยเสือเข้าป่า
จับโจรเอาหัวโจกเป็นสำนวนมาจากบทกวีของตู้ฝู่มหากวีในสมัยราชวงศ์ถังซึ่งเขียนไว้ว่า "น้าวเกาทัณฑ์ควรตึง ลูกเกาทัณฑ์ควรยาว ยิงคนยิงม้าก่อน จับโจรเอาหัวโจก" คำนี้เดิมพบในคัมภีร์อี้จิงซึ่งแฝงความนัยว่า จับโจรให้เอาตัวหัวโจก อันเป็นกลอุบายใช้วิธี ตีงูให้ตีหัว เพื่อสยบข้าศึกอย่างหนึ่ง ตัวอย่างกลยุทธ์ในสามก๊ก ขงเบ้งมีความเกรงกลัวสุมาอี้ในการทำสงครามกับวุยก๊กจึงวางกลอุบายขจัดสุมาอี้ซึ่งปราศจากสุมาอี้แล้วขงเบ้งก็ไม่เกรงกลัวความยิ่งใหญ่ของกองทัพวุยก๊กอีกต่อไป การสมรสทางการเมืองในประวัติศาสตร์ล้วนแต่เป็นกลยุทธ์นี้แทบทั้งสิ้น ในสมัยถังไท่จงฮ่องเต้ได้ส่งพระราชธิดาไปสมรสกับประมุขชาวทิเบตก็เพื่อไม่ให้ชนกลุ่มน้อยก่อความวุ่นวายทางชายแดนต่อไป
ข้อคิดดัมมี่ ♠ ต้องรู้ว่าอะไรคือจุดที่สำคัญที่สุดและพุ่งความสนใจไปที่ตรงนั้น ยึดการเกิดหัวหรือไพ่สำคัญเป็นหลัก ไม่ต้องสนใจไพ่ในมือเพราะเราจะกินหัว กินสเปโตอยู่แล้วตีให้ปลอดภัยเข้าไว้ ข้อคิดการบริหาร มุ่งเป้าไปที่ผู้นำหัวหน้าหรือต้นตอของปัญหาก่อนเช่น วิเคราะห์ว่าใครคือ "หัวโจก" ที่เป็นต้นตอของปัญหา แล้วใช้การสื่อสาร โน้มน้าวเพื่อควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคลนั้น เข้าหาผู้ตัดสินใจหลักโดยตรงเพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้รวดเร็ว
กลยุทธ์ที่ 19 ถอนฟืนใต้กระทะ
ทำลายกำลังหลักของศัตรู
การเผชิญหน้ากับข้าศึกที่แข็งแกร่งกว่า การปะทะซึ่งหน้าย่อมเสี่ยงอันตรายและการสูญเสีย จึงควรหาทางลดความฮึกเหิมของข้าศึกลง เอาอ่อนชนะแข็ง ดุจเทน้ำร้อนลงในน้ำเดือดมิอาจหยุดเดือด ถอนฟืนจึงหยุดเดือด เราจะต้องทำลายกำลังหลักของข้าศึก ตัดกำลังบำรุง บั่นทอนขวัญและกำลังใจ สร้างความปั่นป่วน หลอกล่อด้วยผลประโยชน์ให้มาอยู่ฝ่ายเรา แล้วจึงโจมตีศัตรูเสีย
ในหนังสือหลี่ซื่อชุนชิว สมัยราชวงศ์ฉิน มีเขียนไว้ว่า " เติมน้ำลงในน้ำเดือด ความเดือดย่อมไม่สิ้น ทอนไฟออกไปจึงจะหยุดเดือด" ต่อมาในนิยายเสียดสีปัญญาชน สมัยมีการสอบชิงตำแหน่งขุนนางเรื่อง หยีหลินไว่สื่อ เขียนโดย อู๋จิ้งจื่อ นักเขียนนวนิยายสมัยราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1644 - 1911) จึงเขียนว่า " บัดนี้มีเหตุผลอยู่อย่างหนึ่งคือ วิธี ถอนฟืนใต้กระทะ สำนวนนี้อุปมาว่า ในการแก้ปัญหาจะต้องจัดการจากรากเหง้า จึงจะสำเร็จ ในสมัยสามก๊ก เกียงอุยแม่ทัพแห่งจ๊กก๊กวางกลอุบายให้พระเจ้าโจฮวนหลงเชื่อว่าเตงงายแม่ทัพหนุ่มแห่งวุยก๊กคิดตั้งตัวเองเป็นใหญ่จึงมีคำสั่งให้จับเตงงายไปประหาร แผนการของเกียงอุยในการกำจัดขุนพลสำคัญของวุยก๊กสำเร็จไปอีกหนึ่งคน
ข้อคิดดัมมี่ ♠ การพูดจาหลอกล่อ ปั่นป่วน รบกวนจิตใจให้ผู้เล่นเกิดความสับสนเป็นการใช้จิตวิทยาการเล่นอย่างหนึ่งที่ผู้เล่นควรฝึกฝนให้เกิดความเชี่ยวชาญ
ข้อคิดการบริหาร ตัดกำลังสำคัญ ลดแรงกดดัน หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เช่น เจรจาควบคุมช่องทางการจัดจำหน่าย ดึงดูดพันธมิตรสำคัญของคู่แข่ง ให้ข้อเสนอที่น่าสนใจ ปรับโครงสร้างทีมหรือเปลี่ยนกระบวนการทำงานที่เป็นต้นตอของความขัดแย้ง
กลยุทธ์ที่ 20 กวนน้ำจับปลา
ทำให้ศัตรูปั่นป่วน
การรู้จักฉกฉวยจังหวะที่ศัตรูเกิดความปั่นป่วนภายในกองทัพให้เป็นประโยชน์ แย่งยึดเอาผลประโยชน์นั้นมาเป็นของตนแล้วนำกำลังทหารบุกเข้าโจมตี เอาชัยจากความปั่นป่วน เอาเท็จพรางจริง สร้างภาพลวง กวนน้ำให้ขุ่น ปลาไม่เห็นทิศทาง หมุนวนตามน้ำจึงงงงวยถูกจับง่าย คนแยกจริงเท็จไม่ออกยามชุลมุนจึงเปิดช่องโหว่ให้ถูกรุกโจมตี
กวนน้ำจับปลา กลยทธ์นี้เดิมมาจาก ตำราพิชัยสงครามซุนวู บทที่ 5 พลานุภาพ ที่เขียนไว้ว่า แม้อลหม่านก็มิควรระส่ำระสายและในบทที่ 3 กลวิธีรุก ว่า ก่อกวนกองทัพ ชักนำข้าศึกให้ชนะ โดยนำมาใช้ให้มีความหมายกลับกัน กลยุทธ์นี้หมายความว่าการฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์เมื่อข้าศึกเกิดความปั่นป่วนภายในโดยอาศัยการปิดบังสายตาฝ่ายตรงข้ามทำให้มองไม่เห็นหรือไม่รู้ว่าเรากำลังทำอะไรจึงถือเอาจังหวะนี้ทำร้ายหรือยึดผลประโยชน์เขา ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์ในยุคสามก๊ก หลังศึกเซ็กเพ็กที่โจโฉแพ้ จิวยี่กำลังจะยึดเมืองเกงจิ๋วแต่เล่าปี่กลับส่งขงเบ้งชิงเอาเมืองบริวารของเมืองเกงจิ๋วไปก่อนเป็นการฉวยโอกาสที่ศัตรูกำลังวุ่นวายอยู่
ข้อคิดดัมมี่ ♠ ต้องรู้จักวางตัวนิ่งเฉย อย่าสนใจการปั่นป่วนประสาท มีสมาธิอยู่กับเกมตลอดเวลาและเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง
ข้อคิดการบริหาร สร้างโอกาสจากสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่น ปล่อยข่าวลือ เปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ ลดราคาชั่วคราวเพื่อรบกวนแผนคู่แข่ง ใช้แคมเปญการตลาดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในช่วงที่คู่แข่งกำลังเผชิญปัญหา
กลยุทธ์ที่ 21 จักจั่นลอกคราบ
พรางตาเพื่อหลบหนี
การรักษาแนวรบในรูปแบบเดิม ให้แลดูสง่าและน่าเกรงขาม เป็นการสร้างกลลวงหลอกล่อศัตรูให้เข้าใจผิด คิดว่ายังอยู่ที่เดิม ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ศัตรูจึงไม่กล้าผลีผลามนำกำลังบุกเข้าโจมตี เมื่อคงรูปแบบภายนอกที่เหมือนจริงนี้ไว้ ถอนส่วนเนื้อหาออกไปหมดแล้วจึงแสร้งถอยอย่างปกปิด ถอยแสดงว่าไม่ถอย หนีแสดงว่าไม่หนี เมื่อเราไม่อาจสู้กับข้าศึกได้จึงจำเป็นต้องค่อย ๆ ถอยก่อนเพื่อให้รอดพ้นจากอันตราย
จักจั่นลอกคราบเป็นสำนวนอยู่ในนิยายจีนเรื่องไซอิ๋วเขียนโดยอู๋เฉิงเอินแห่งราชวงศ์หมิง มีเรื่องราวของสำนวนนี้ว่า พระถังซำจั๋งนำลูกศิษย์เดินทางรอนแรมมาถึงภูเขาสูงแห่งหนึ่งมีภูมิประเทศซับซ้อน ทันใดนั้นก็มีเสือลายพาดกลอนตัวหนึ่งกระโดดรี่เข้ามา ซุนหงอคงกับโป๊ยก่ายช่วยกันสกัดเสือตัวนั้นเอาไว้ ที่แท้เสือตัวนั้นเป็นปีศาจปลอมตัวมา ปีศาจใช้เวทมนต์เอาหนังเสือคลุมไว้บนก้อนหิน ตัวเองกลายเป็นลมย้อนกลับไปจับพระถังซำจั๋งซุนหงอคงกับโป๊ยก่ายเห็นหนังเสือที่คลุมก้อนหินอยู่คิดว่าเป็นเสือจริง ใช้กระบองหวดไปเต็มแรงจึงรู้ว่าหลงกลแล้ว ซุนหงอคงอุทานขึ้นว่า เราถูกอุบายจักจั่นลอกคราบของมันแล้ว สำนวนนี้จึงหมายถึงการใช้วิธีการพรางตาหลอกลวงฝ่ายตรงข้ามเพื่อหลบหลีกให้พ้นไป
ข้อคิดดัมมี่ ♠ การเกิดหรือการลงไพ่เพื่อสร้างโอกาสเอาโง่ตัวกันเพิ่มเช่น เกิดตอง 3 ดอกจิกเพื่อเอาโง่ 4 ดอกจิก ลง J โพดำเพื่อเอาโง่ 10 โพดำ เมื่อสเปโตออกไปแล้วเดี๋ยวพวกตัวกันก็จะตามมา
ข้อคิดการบริหาร แสดงว่าเหมือนเดิมแต่ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนภายในเช่น ยังคงทำงานปกติแต่ภายในกำลังปรับโครงสร้าง ลดขนาด ลดต้นทุนลง แสดงภาพว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมขณะที่ภายในกำลังแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนรักษาภาพลักษณ์ของสินค้าหรือบริการเดิมไว้เพื่อรักษาฐานลูกค้า ขณะที่แอบพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อพลิกเกมการแข่งขัน
กลยุทธ์ที่ 22 ปิดประตูจับโจร
จัดการศัตรูให้หมดสิ้น
ศัตรูที่อ่อนแอและมีจำนวนน้อย พึงตีโอบล้อมแล้วบุกทำลายเสียให้สิ้นซากหากปล่อยให้หลบหนีไปได้ด้วยเหตุอันใดก็ตาม แม้จะเป็นเพียงกองเล็ก ๆ แต่อาจหวนย้อนกลับมาสร้างความยุ่งยาก นำภัยมาให้ได้ในภายหลัง เปรียบเหมือนเมื่อต้องการจับโจร พึงตัดทางหนี ปิดประตูให้แน่นหนา ทำงานให้หมดจดเพราะหากมันไม่เรียบร้อย สุดท้ายโจรจะกลับมาจัดการกับเราได้
ข้อคิดดัมมี่ ♠ ความเด็ดขาดในดัมมี่เป็นการเล่นให้ถึงที่สุด เช่น อ่านขาดหรือการวิเคราะห์ไพ่อย่างถูกต้อง ลงไพ่ขาดคือลงไพ่ตันไม่มี ดัมมี่ จั่วขาดเป็นการจั่วไพ่ใบสุดท้ายตัดโอกาสขาอื่น แต้มขาดหมายถึงชนะแต้มในเกม การน็อกคือการชนะอย่างเด็ดขาด
ข้อคิดการบริหาร จัดการคู่แข่ง ควบคุมสถานการณ์ หรือแก้ปัญหาภายในองค์กร โดยเน้นการตัดทางเลือกหรือการจัดการขั้นเด็ดขาดเช่น สร้างสถานการณ์ให้รู้สึกว่าไม่มีทางเลือก กำหนดกฎ ระเบียบที่เข้มงวด ผูกขาดดีลเร่งปิดการขาย ปิดโอกาสการแข่งขันทางการตลาด
กลยุทธ์ที่ 23 คบไกลตีใกล้
แสวงหาผลประโยชน์ร่วมกัน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูแม้ใกล้ ไกล พึงมีนโยบายที่แตกต่างกันควรตีเอาศัตรูที่อยู่ใกล้ตัว จึงจะเป็นประโยชน์แก่ตน ศัตรูที่อยู่ไกลควรผูกมิตรเพื่อเอาชัยชนะต่อศัตรูใกล้ แม้ความคิดเห็นจะไม่ตรงกันก็สามารถที่จะยุติความขัดแย้งและร่วมมือกันได้ กลยุทธ์นี้เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันพร้อมทั้งป้องกันตัวไปด้วย
คบไกลตีใกล้เป็นคำตำนานจากประวัติศาสตร์ เป็นความเห็นทางยุทธศาสตร์ของฟ่านซุย อัครมหาเสนาบดีแห่งแคว้นฉินที่เสนอต่อฉินจาวอ๋อง ปรากฏอยู่ในหนังสือ นโยบายแคว้นฉิน ของซือหม่าเซียน นักประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ฮั่น ท่านฟ่านซุยโน้มน้าวฉินจาวอ๋องว่า "ท่านอ๋องมิสู้คบไกลแต่ตีใกล้ ได้หนึ่งซุ่น (นิ้ว) ก็เป็นพื้นที่หนึ่งซุ่นของท่าน ได้หนึ่งเซียะ (ฟุต) ก็เป็นพื้นที่หนึ่งเซียะของท่าน บัดนี้ท่านจักทิ้งสิ่งนี้เสีย มิใช่เป็นความผิดพลาดดอกหรือ?" ฉินจาวอ๋องรับปฏิบัติผูกมิตรกับแคว้นฉีและแคว้นฉู่ซึ่งอยู่ไกลบุกแคว้นหานกับแคว้นเว่ยซึ่งอยู่ติดกัน ในสามก๊กผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้ได้แก่ ขงเบ้งแนะให้เล่าปี่ช่วยเหลือซุนกวนให้รอดพ้นจากการบุกของโจโฉ
ข้อคิดดัมมี่ ♠ การเก็บไพ่สั้นหรือไพ่ยาวต้องดูสถานการณ์ในเวลานั้น เก็บไพ่แล้วเกิดประโยชน์ให้เก็บแต่ยังคงมีไพ่ใกล้หัวไว้เผื่อเกิดยามฉุกเฉินด้วย
ข้อคิดการบริหาร สร้างพันธมิตรกับฝ่ายที่อยู่ห่างออกไปเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็จัดการปัญหาหรือคู่แข่งที่อยู่ใกล้ตัวก่อน เช่น สร้างความร่วมมือด้านธุรกิจกับพันธมิตร พัฒนาสินค้า การบริการเพื่อตอบสนองลูกค้า เก็งตลาดอย่างแม่นยำ ขยายตลาดกลุ่มลูกค้าใหม่ เข้าครองตลาดใกล้ตัวก่อน จัดการกับปัญหาหรือปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในหน่วยงาน ธุรกิจที่ไม่มีความชำนาญควรหาพันธมิตรทางการค้ามาช่วยหนุน
กลยุทธ์ที่ 24 ยืมทางพรางกล
ช่วยเหลือเพื่อหวังผลประโยชน์
ศัตรูเมื่อถูกบีบบังคับให้ยอมแพ้ด้วยความจำใจ เรามีกำลังมากกว่าควรแสร้งให้การช่วยเหลือทันทีโดยหวังเอาประโยชน์ ฉวยโอกาสนี้ส่งทหารเข้าไปและเพิ่มกำลังทหารมากขึ้นหลังจากนั้นเมื่อถึงเวลาเหมาะสมก็เข้าโจมตี กลยุทธ์นี้ต้องอ้างเหตุผลให้ดีเพื่อปกปิดจุดประสงค์ของตนและต้องทำการช่วยเหลือให้เห็นจริง ศัตรูจึงจะเชื่อถือไว้วางใจ
ยืมทางพรางกลเป็นคำตำนานจากบันทึกประวัติศาสตร์ ชื่อ จ่อจ้วน เรื่องมีอยู่ว่า ในสมัยชุนชิว แคว้นจิ้นคิดจะกลืนแคว้นหยีกับแคว้นกว๋อซึ่งเป็นแคว้นเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้กันกับแคว้นจิ้น จิ้นเซี่ยนกงแห่งแคว้นจิ้นจึงวางแผนนำหยกวิเศษและม้างามเป็นของขวัญให้แก่เจ้าครองแคว้นหยีเพื่อขอยืมทางผ่านไปตีแคว้นกว๋อ เจ้าครองแคว้นหยีเห็นหยกและม้าก็เกิดความยินดีจึงอนุญาตให้ทัพแคว้นจิ้นผ่านไปได้ โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของเสนาบดีกงจื่อฉีว่าไม่ควรให้ยืมทางผ่าน ควรจะรวมกับแคว้นกว๋อเพื่อต่อต้านแคว้นจิ้น หลังจากนั้นเมื่อแคว้นจิ้นบุกแคว้นกว๋อจนล่มสลายจึงกลับมาโจมตีแคว้นหยีที่ไม่ทันระวังตัวและยึดแคว้นได้สำเร็จ หยกวิเศษและม้างามก็กลับมาเป็นของจิ้นเซี่ยนกงตามเดิม
ข้อคิดดัมมี่ ♠ การเก็บสกัดช่วยเหลือขาที่ตีปี้หัวหรือสเปโตควรพิจารณาให้ถ่องแท้ ขาที่ตีปี้ต้องการน็อกลอยหรือไม่หากปล่อยไปมีคนเกิดหรืออีกมุมหนึ่งเป็นเรื่องของคุณธรรม มีเมตตาช่วยเหลือไว้
ข้อคิดการบริหาร ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ ความช่วยเหลือ ความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายที่แท้จริง เช่น ร่วมมือเพื่อพัฒนาตลาดร่วมกัน ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือการเรียนรู้ตลาดและสร้างฐานลูกค้าของตนเองในระยะยาว หรือแย่งชิงลูกค้าจากคู่แข่ง
กลยุทธ์ที่ 25 ลักขื่อเปลี่ยนเสา
ส่งคนเข้าไปแทนที่ศัตรู
การหาทางเปลี่ยนแปลงแนวรบของศัตรู เคลื่อนย้ายดึงกำลังสำคัญของศัตรูให้กลายมาเป็นของเรา แล้วควบคุมศัตรูไว้ให้อยู่ใต้การบังคับบัญชา จากนั้นสับเปลี่ยนเอาคนของเราเข้าแทนที่แล้วจึงฉวยโอกาสโจมตี
ลักขื่อเปลี่ยนเสาเป็นสำนวนในหนังสือ เรื่องจริงของเจี๋ยโจ้ว เขียนโดยหลอซิ่นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ไว้ตอนหนึ่งว่า "เจี๋ยโจ้วดึงวัว 9 ตัวให้ถอยหลัง เปลี่ยนขื่อเปลี่ยนเสา" คำหลังนี้ที่จริงต้องการจะเน้นถึงพละกำลังของเจี๋ยโจ้วซึ่งแข็งแกร่งผิดมนุษย์ ต่อมาคำนี้พัฒนาเป็นคำว่า ลักขื่อเปลี่ยนเสา และความหมายก็เพี้ยนไปจากเดิม กลายเป็นคำอุปมาว่า ลอบเปลี่ยนเนื้อหาสำคัญของสรรพสิ่ง กลยุทธ์นี้ถูกนำมาเสริมแต่งขึ้นในภาพยนต์ดัง มีเนื้อเรื่องฉากหนึ่งคือ ในปลายรัชสมัยคังซีฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1636 - 1912) พระองค์ทรงประชวรหนักจึงทรงร่างพินัยกรรมแต่งตั้งผู้สืบราชสมบัติให้องค์ชาย 14 ผู้มีความเหมาะสม แต่องค์ชาย 4 หย่งเจิ้งผู้มักใหญ่ใฝ่สูง เปลี่ยนพินัยกรรมให้ตัวเองเป็นผู้สืบราชสมบัติแทน
ข้อคิดดัมมี่ ♠ การหลอกให้ขาล่างเก็บตัวกันสเปโตขึ้นไปแต่ก็ไม่มีประโยชน์เพราะเราอยู่เหนือกว่าจึง สามารถเกิดสเปโตหรือลงสเปโตได้ก่อน
ข้อคิดการบริหาร เปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงองค์ประกอบสำคัญขององค์กรอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น ปรับเปลี่ยนนโยบายเล็กน้อยทีละขั้นให้ไปในทิศทางที่ต้องการ ลดบทบาทพนักงานที่มีปัญหาแล้วค่อยดันคนใหม่เข้ามาแทนโดยไม่รู้สึกถึงแรงกดดันมากนัก ดึงคนสำคัญของคู่แข่งให้มาอยู่ฝ่ายเรา
กลยุทธ์ที่ 26 ชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหว
ตำหนิทางอ้อม
ถ้าผู้ที่เข้มแข็งกว่าใคร่สยบผู้อ่อนแอกว่า เราควรจะตักเตือนให้เกรงกลัวก็จักได้รับการสนับสนุนจากผู้อ่อนแอ ถ้าเรากล้าใช้ความรุนแรงก็จักเป็นที่ยอมรับนับถือแก่ผู้อ่อนแอ ตรงกับสุภาษิตว่า เชือดไก่ให้ลิงกลัวคือการใช้มาตราการเด็ดขาดให้ผู้อื่นยอมสยบแต่โดยดี หรือถ้าผู้น้อยจะด่าผู้บังคับบัญชาโดยตรงก็ไม่ได้จึงต้องอาศัยการตำหนิทางอ้อมหรือสุภาษิตไทยว่าตีวัวกระทบคราด
ชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหวเป็นสำนวนปรากฏอยู่ในนิยาย เรื่อง ความฝัน ในหอแดง ตอนที่ 12 ว่า เจี้ยเหลียนกลับมาจากนอกบ้าน ถามทุกข์สุขกับหวางซีฝ้ง หวางซีฝ้งตอบว่า "พวกคุณนายทั้งหลายที่ดูแลบ้านเหล่านั้น มีหน้าไหนที่แตะต้องได้บ้าง ทำผิดอะไรไปนิดก็เยาะเย้ยถากถาง ทำพลาดอะไรไปหน่อย ก็ชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหว ก่นด่าไม่หยุด" อีกตัวอย่างหนึ่งที่ใช้ความรุนแรงให้เกิดความเกรงกลัวและเป็นที่ยอมรับนับถือได้แก่ครั้งที่ ซุนวูถูกทดสอบให้ฝึกกองทัพนางสนมของพระเจ้าเหอหลูแห่งแคว้นอู๋ และฝึกนางให้เป็นทหารดู ซึ่งในนั้นมีนางสนมคนโปรดสองคนที่เป็นหัวหน้าอีกที เมื่อซุนวูสั่งทำสิ่งใดพวกนางก็ไม่สนใจ ในที่สุดซุนวูได้รับมอบอำนาจมาก็สั่งให้ประหารหัวหน้าสนมทั้งสองคนที่ไม่ทำตามคำสั่ง
ข้อคิดดัมมี่ ♠ การอมสเปโตไว้ดักคอยผู้ที่ชอบตีตัวกันสเปโตค้ำ เมื่อผู้ตีตัวกันค้ำต้องเสียแต้มแทนขาอื่นบ่อยครั้งเข้า ต่อไปจึงไม่กล้าตีค้ำอีก
ข้อคิดการบริหาร จัดการกับผู้กระทำผิดกฎระเบียบ หรือสร้างปัญหาให้กับองค์กรอย่างจริงจังเช่น ตักเตือนพนักงานที่มีปัญหา คาดโทษถึงขั้นให้ออก ทำให้ผู้ที่อยู่รอบข้างเข้าใจถึงผลของการไม่ทำตามกฎ โดยไม่จำเป็นต้องจัดการกับทุกคนโดยตรง
กลยุทธ์ที่ 27 แสร้งทำบอแต่ไม่บ้า
แกล้งโง่
อุบายแกล้งทำเป็นโง่ ไม่เคลื่อนไหว ไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม ไม่ดันทุรัง รู้เขา รู้เรา พึงถอยก็รู้จักถอย รอจังหวะบุกกระหน่ำก็ไม่ให้ศัตรูตั้งตัว เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นผลดี คนฉลาด แกล้งโง่ ทำเป็นไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่รู้ ฝ่ายตรงข้ามจะไม่ระแวงสงสัย หากอวดฉลาดยิ่งไม่เป็นผลดีกับตัวเอง คนฉลาดมักใช้วิธีนี้ป้องกันตัวและวางแผนเอาชนะศัตรู
แสร้งทำบอแต่ไม่บ้า กลยุทธ์นี้มีต้นกำเนิดมาจาก ตำราพิชัยสงครามซุนวู บทที่ 1 การประเมินศึก เขียนไว้คำหนึ่งว่า "รบได้ให้แสดงว่ารบไม่ได้" ความหมายเดิมของกลยุทธ์นี้คือแสร้งทำเป็นบ้าบอแต่ความจริงมิได้เป็น แต่ทำเพื่อมึนชาฝ่ายตรงข้ามเพื่อฝ่ายตนจะได้เตรียมพร้อมให้มากยิ่งขึ้น ซุนปินใช้กลยุทธ์นี้แสร้งทำเป็นบ้าบอเอาตัวรอดจากพังจวนและกลับมาแก้แค้นได้ ในสามก๊ก เล่าปี่แสร้งทำเป็นหวาดกลัวเสียงฟ้าร้องจนตะเกียบหลุดมือเพื่อให้โจโฉตายใจว่าเล่าปี่ ไม่คิดการใหญ่ ไม่อาจเป็นศัตรูที่ต้องกังวล เล่าปี่จึงรอดพ้นจากความสงสัยและมีโอกาสวางแผนชิงแผ่นดินต่อไป เช่นเดียวกับสุมาอี้ที่แสร้งทำเป็นป่วยใกล้ตายหลอกโจชองและสุดท้ายก็ยึดอำนาจของโจชองได้สำเร็จ
ข้อคิดดัมมี่ ♠ แกล้งทำเป็นโง่เพื่อหลอกล่อคู่ต่อสู้เช่น แกล้งบอกตีผิดให้เห็นว่าเราเล่นพลาดแต่สุดท้ายกลับมาน็อกได้ การแกล้งโง่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์
ข้อคิดการบริหาร แสดงท่าทีที่ดูเหมือนไม่รู้เรื่อง ไม่ใส่ใจ หรือไม่มีความสามารถ เพื่อบรรลุเป้าหมายบางอย่าง เช่นแสดงท่าทีไม่เร่งรีบในการตัดสินใจ อาจทำให้คู่เจรจารู้สึกว่าเราไม่สนใจข้อเสนอมากนักและอาจยอมลดเงื่อนไขเพื่อให้การเจรจาสำเร็จลุล่วง แสดงท่าทีไม่รู้เรื่องในบางประเด็นที่ละเอียดอ่อน อาจช่วยลดความตึงเครียดและเปิดโอกาสให้มีการพูดคุยกันด้วยเหตุผลมากขึ้น
กลยุทธ์ที่ 28 ขึ้นบ้านชักบันได
ล่อให้เข้ามาติดกับดัก
การจงใจเปิดจุดอ่อนเพื่อให้ศัตรูมองเห็น หลอกล่อให้ศัตรูเข้าไปในวงล้อมเหมือนหลุมพรางที่วางดักไว้ แล้วตัดกองกำลังสนับสนุน ตัดทางรุกและทางถอย ตีโอบศัตรูให้หลบหนีเข้าไปภายในกองทัพแล้วจึงบุกเข้าโจมตีได้อย่างถนัด อีกความหมายหนึ่งคือการกดดันไพร่พลให้สู้ตายเพราะไม่มีทางถอยอีกแล้ว
ขึ้นบ้านชักบันได กลยุทธ์นี้มาจาก ตำราพิชัยสงครามซุนวู บทที่ 11 เก้ายุทธภูมิ เขียนไว้ว่า "ยามมอบหน้าที่ให้ไพร่พล ก็เหมือนให้ขึ้นที่สูงแล้วชักบันได" คือการหลอกให้ขึ้นที่สูงแล้วถอดบันไดออก บีบทหารของตนเข้าสู่ทางตันแล้วยุยงให้ฮึกเหิม มุ่งหน้าไปอย่างเดียว ยอมตายพร้อมศัตรูโดยไม่หวั่นเกรง คำนี้ต่อมากลายเป็น ขึ้นบ้านชักบันได ขุนพลที่สันทัดการรบแบบนี้คือ เซี่ยงหยี่ขณะนำทัพไปเสียนหยางเมืองหลวงของราชวงศ์ฉินเพื่อช่วยพันธมิตรที่ถูกทัพฉินล้อมไว้ ในระหว่างข้ามแม่น้ำฮวงโหก็ได้ออกคำสั่งจมเรือโดยสารที่ข้ามมาทุกลำ พร้อมทั้งทุบหม้อข้าวจนหมดสิ้น เพื่อที่จะเอาชนะให้ได้ไม่เช่นนั้นก็ตายกันหมด ทหารทุกคนจึงสู้รบอย่างกล้าหาญและนี่คือกลยุทธ์ ทุบหม้อจมเรือของเซี่ยงหยี่โดยนำเอา ขึ้นบ้านชักบันได มาใช้
ข้อคิดดัมมี่ ♠ เมื่ออ่อยเหยื่อ เก็บรวบไพ่ยาว ๆ แล้วก็ตีตัวปลอดภัยที่ขาอื่นเกิดไม่ได้ อ่อยแล้วอ่อยอีกต่อเนื่องกันไป ลงไพ่ตัน เป้าหมายคือการกินแต้ม
ข้อคิดการบริหาร สร้างสถานการณ์ลวงให้คู่แข่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ เช่น กำหนดมาตรฐานหรือเงื่อนไขที่ทำให้คู่แข่งเข้ามาแข่งขันได้ยาก ล่อให้ลงทุนในตลาดใหม่จากนั้นจึงบีบด้วยการแข่งขันด้านราคาจนเขาถอนตัวไม่ได้ ผลักดันพนักงานให้ รับผิดชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างจริงจัง เมื่อเขารับงานแล้วจึงตัดทางเลือกอื่นให้เขารับผิดชอบเต็มที่เป็นการกดดันให้เขาเติบโตในงานนั้น
กลยุทธ์ที่ 29 ต้นไม้ผลิดอก
ยืมมือผู้อื่นเสริมกำลังให้ดูยิ่งใหญ่
การใช้แนวรบของพันธมิตร มาสร้างแนวรบป้องกันที่จะกลายเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ตนเอง แม้กองกำลังทหารจะเล็กน้อยก็สามารถทำให้แลดูเสมือนกองกำลังทหารที่ใหญ่โตได้ เปรียบเหมือนต้นไม้ไม่มีดอกแต่เราทำให้มีดอกบานสะพรั่งได้ด้วยการเอาดอกไม้ปลอมมาติดบังหน้าให้ดูสมจริง
ซุนวูกล่าวว่า "เราต้องยืมสถานการณ์อื่นเพื่อสร้างความได้เปรียบ จะสามารถทำให้ไพร่พลของเราที่อ่อนด้อยเปลี่ยนเป็นเข้มแข็งได้ นั่นคือออกดอกบนต้น" เป็นที่มาของต้นไม้ผลิดอก เดิมเป็นสำนวนในหนังสือเรื่อง กระจกของสุภาพชน ซึ่งหวางจี่ นักวิชาการเรื่องคัมภีร์สมัยราชวงศ์จิ้น (ค.ศ. 265 - 420) เขียนไว้ว่า "เมื่อเห็นเรื่องยากจะสำเร็จก็มักจะพูดกันว่าต้องรอให้ต้นไม้เหล็กออกดอกเสียก่อน" ตัวอย่างกลยุทธ์นี้ ในช่วงยุคต้นของสามก๊ก โจโฉไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จในราชสำนักแต่เขาใช้พระนามของพระเจ้าหองจูเปียนเป็นเครื่องมือในการออกคำสั่งยกทัพปราบแคว้นต่าง ๆ การทำเช่นนี้ดูเหมือนว่า โจโฉทำตามบัญชาของฮ่องเต้แต่ความจริงแล้วคือความต้องการสร้างภาพว่าตนมีอำนาจตามกฎหมายเพื่อกุมอำนาจทางทหารและการเมือง
ข้อคิดดัมมี่ ♠ การใช้จิตวิทยาข่มขู่ให้คู่ต่อสู้ไม่กล้าตีตัวใหม่เพราะกลัวโง่ หรือการตีตัวกันสเปโตไว้ต้นกองเพื่อหาคนอมสเปโตและทำให้ขาอื่นคิดว่าไพ่ของเราสวย การเล่นจึงเสียรูปขบวน
ข้อคิดการบริหาร สร้างภาพลวงตาเสริมสร้างความน่าเชื่อถือภายนอก เช่น ร่วมมือกับแบรนด์ใหญ่ทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้า นำเสนอผลงานเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เน้นความสำเร็จด้านอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจออกจากปัญหา
กลยุทธ์ที่ 30 สลับแขกเป็นเจ้าบ้าน
แทรกซึมเข้าไปเพื่อยึดอำนาจ
การสอดแทรกเข้าไปในฝ่ายตรงข้าม ค่อย ๆ สะสมกำลัง อดทนรอคอย เมื่อถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสมจึงเปลี่ยนฐานะจากฝ่ายถูกกระทำเป็นฝ่ายกระทำ กุมจุดสำคัญหรือหัวใจอีกฝ่ายไว้ยึดครองอำนาจ
สลับแขกเป็นเจ้าบ้านเป็นกลยุทธ์ทางทหารมาจากตำราพิชัยสงครามชื่อ การโต้ตอบระหว่างหลี่เว่ยกงกับถังไท่จง ภาค 2 หลี่เว่ยกงพูดว่า "ข้าพระองค์เปรียบเทียบกำลังของเจ้าบ้านกับแขกแล้วก็มีวิธีที่จะแปลงแขกให้เป็นเจ้าบ้าน แปลงเจ้าบ้านให้เป็นแขกได้" ตัวอย่างกลยุทธ์นี้ได้แก่เมื่อครั้งเซี่ยงหยี่กับหลิวปังตกลงกันว่าใครบุกเข้าเสี้ยนหยางเมืองหลวงของแคว้นฉินก่อนจะยกให้เป็นผู้ครอบครองแคว้น สุดท้ายหลิวปังเข้ายึดได้ก่อนทำให้เซี่ยงหยี่แค้นมาก จึงวางแผนจัดงานเลี้ยงเพื่อลอบสังหารหลิวปัง (ในฐานะแขก) แต่ไม่สำเร็จ หลิวปังหนีไปได้พร้อมกับความไม่พอใจที่เซี่ยงหยี่ไม่ยอมทำตามข้อตกลงแต่ก็ต้องยอมอดทนเพราะกำลังน้อยกว่าต่อมาหลิวปังได้นำทัพมาปิดล้อมและสามารถยึดครองแผ่นดิน (สลับเป็นเจ้าบ้าน) ได้ขึ้นครองราชย์
ข้อคิดดัมมี่ ♠ เกมของเราดูเหมือนจะไม่มีอะไร ลงแต้มน้อยแต่แอบสะสมแต้มไว้บนมือมาก คู่แข่งคิดว่าเราสู้ไม่ได้ เมื่อถึงเวลา รอบสุดท้ายไพ่ถึงเรา ให้จั่วขาด ไพ่หมดกอง ลงแต้มแข่ง กินทีหลัง ดังกว่า
ข้อคิดการบริหาร พลิกสถานการณ์จากฝ่ายเสียเปรียบหรือตั้งรับ ให้กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบและสามารถกำหนดทิศทางการแข่งขันเช่น นำเสนอสินค้าหรือบริการที่แตกต่างและตอบโจทย์ความต้องการที่ยังไม่ได้รับการเติมเต็มในตลาดนั้น หรือสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ที่ท้าทาย หากเป็นฝ่ายถูกโจมตีควรตอบโต้ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง ชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องของฝ่ายตรงข้ามหรือนำเสนอแนวทางแก้ไขที่สร้างสรรค์
กลยุทธ์ที่ 31 กลสาวงาม
ใช้สาวงามล่อให้ติดกับ
การกำจัดศัตรูที่มีกำลังกล้าแข็งจำเป็นต้องกำจัดแม่ทัพก่อนโดยการโจมตีจุดอ่อนทางจิตใจของศัตรูผ่านสิ่งล่อใจเช่น ใช้ความงามของสตรี หว่านเสน่ห์ให้ศัตรูเกิดความลุ่มหลง ประมาท แม่ทัพจึงถูกโจมตีอย่างง่ายดาย
กลสาวงามเป็นกลยุทธ์ทางการเมือง ในตำราพิชัยสงครามชื่อ 6 กลยุทธ์ พิชิตด้วยความนิ่มนวล ของ หลื่อซ่าง นักการเมืองและนักการทหารในสมัยราชวงศ์โจว (1100 -700 ปีก่อน ค.ศ.) เคยเสนอไว้ว่า "ป้อนความงงงวยให้กับเหล่าขุนนาง ส่งสาวงามกามราคะให้หลงใหล" ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์นี้ในสามก๊กได้แก่ อ้องอุ้นวางแผนให้เตียวเสี้ยนใช้ความงามล่อลวงลิโป้กับตั๋งโต๊ะแตกคอกันจนฆ่ากันเองในที่สุด โจโฉเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเพราะหลงเสน่ห์หญิงม่ายอย่างนางเจ้าซือ เล่าปี่เกือบติดกับเพราะกลหญิงงามของซุนกวน แม้แต่ซุนวูผู้แต่งตำราพิชัยสงคราม เมื่อเห็น ฟูซา เจ้าครองแคว้นอู๋หลงใหลในความงามของไซซีขาดคุณธรรมในการปกครอง จึงตัดสินใจลาออกจากแม่ทัพแคว้นอู๋ กลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบในชนบท
ข้อคิดดัมมี่ ♠ ให้ระวังสิ่งยั่วยวนใจให้เกิด ไพ่น่าเกิดเพราะมีดัมมี่แถมแต่ไพ่เรามีตัวกันเยอะ ควรจั่วหาคู่ตัวกัน ไพ่มีสเปโตอยู่ไม่ควรเกิด ควรจั่วหนี
ข้อคิดการบริหาร สร้างความโดดเด่นและดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย เช่น ใช้การออกแบบที่ทันสมัยและนางแบบ/นายแบบที่มีเสน่ห์ในการนำเสนอสินค้า บริการที่เป็นเลิศ สร้างความประทับใจให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษและต้องการที่จะกลับมาใช้บริการซ้ำ ให้ข้อเสนอสิ่งล่อใจเพื่อดึงดูดลูกค้า
กลยุทธ์ที่ 32 กลเมืองว่าง
ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว
แสร้งเปิดประตูเมือง เปิดทางเข้าออก เสมือนเชิญศัตรูเข้ามาโดยไม่หวาดกลัว ทำให้ศัตรูเข้าใจผิดคิดว่าฝ่ายเราอ่อนแอหรือไม่มีกำลังป้องกันโดยใช้ความเงียบ ความว่างเปล่าเป็นภาพลวงตาหลอกล่อให้ศัตรูลังเล ไม่กล้ารุกโจมตีเพราะสงสัยว่าอาจมีกับดักซ่อนอยู่จึงถอนกำลังออกไป
กลเมืองว่างนี้มีชื่อเสียงโด่งดังจาก สามก๊กตอน ขงเบ้งดีดพิณกินน้ำชา ขับสุมาอี้ถอยไป ในครั้งนั้นขงเบ้งถอยทัพหลบหนีสุมาอี้ ใช้อุบายเปิดเมืองไว้แล้วตนไปนั่งดีดพิณบนประตูเมืองเพื่อถ่วงเวลาให้ทหารถอยทัพได้อย่างสะดวกและสามารถข่มทัพสุมาอี้จนสุมาอี้ไม่กล้าผลีผลามบุกเข้าตีเอาเมืองและต้องถอยทัพกลับไป ในสมัยชุนชิวมีผู้ใช้กลยุทธ์นี้มานานแล้วแต่ไม่เด่นดังเท่าขงเบ้ง ตามหนังสือจ่อจ้วนซึ่งบันทึกประวัติศาสตร์ชุนชิว เขียนไว้ว่าอ๋องแห่งแคว้นฉู่สั่งให้อิ่นจื่อหยวนนำกำลังไปตีแคว้นเจิ้ง ซู่จานจึงเสนอความเห็นแก่เจิ้งเหวินกง ให้ซุ่มทหารอยู่ในเมือง ไม่ให้ฝ่ายแคว้นฉู่เห็นแม้สักคนเดียว พร้อมกับเปิดประตูเมืองไว้ ให้ราษฎรสัญจรไปมาปกติ ทัพแคว้นฉู่มาถึงก็กลัวจะเป็นกลลวงจึงถอยกลับมา
ข้อคิดดัมมี่ ♠ ควรสงสัยไพ่ที่อยู่ในกองนานแล้วแต่ทำไมไม่มีใครเกิดหรือมีคนเกิดสเปโตไปนานแล้วแต่ทำไมไม่มีใครตีตัวกันอีกหน้าหนึ่งออกมา อย่าตีปี้เด็ดขาด อาจจะโง่ได้
ข้อคิดการบริหาร ลวงให้เชื่อในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงเช่น แสร้งว่าไม่เร่งรีบยอมรับเงื่อนไข นิ่งเงียบเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความสงสัยว่าเรามีแผนอะไรซ่อนอยู่ สร้างภาพข่าวลือว่าเรามีสินค้าใหม่ที่กำลังพัฒนา สร้างความมั่นใจไม่ให้เห็นจุดอ่อน สร้างกระแสให้ดูเหมือนว่าเราได้เปรียบแต่ความจริงแล้วยังไม่พร้อม
กลยุทธ์ที่ 33 กลไส้ศึก
ใช้แผนซ้อนแผนของศัตรู
เมื่อศัตรูแฝงตัวเข้ามาสร้างความแตกแยก เราพึงรู้ก่อน ซื้อตัวให้กลายมาเป็นพวกเราแล้วส่งกลับไปเป็นไส้ศึก สร้างความสงสัยในความสงสัยให้ศัตรูเกิดความแตกแยก หวาดระแวงกันเองภายในและพ่ายแพ้ในที่สุด
กลไส้ศึกเป็นกลยุทธ์ที่ซุนวูเขียนไว้ในตำราพิชัยสงคราม บทที่ 13 การใช้จารชนว่า "เหตุที่แม่ทัพผู้สามารถชนะศึกก็เพราะล่วงรู้ก่อน การล่วงรู้ก่อนมิควรพึ่งผีสาง เทวดาแต่พึงเอาจากคน ผู้รู้สภาพข้าศึก" คัมภีร์อี้จิงกล่าวว่า "มีผู้แฝงอยู่ภายใน ไม่เสียหายแก่เรา" หมายถึงเมื่อมีการช่วยเหลือจากภายในของศัตรู ย่อมเป็นประโยชน์ในการทำศึก ตัวอย่างกลยุทธ์ในสามก๊ก คือเมื่อตอนที่จิวยี่แสร้งรับซัวต๋งและซัวโฮ นายทหารไส้ศึกของโจโฉไว้ในคราวศึกเซ็กเพ็กและวางกลอุบายซ้อนแผนจัดฉากให้อุยกายและงำเต็กทำทีสวามิภักดิ์โจโฉ ทำให้ซัวต๋งและซัวโฮรายงานข้อมูลผิดกลับไป โจโฉหลงกลรับกองเรือของอุยกายแต่กลับกลายเป็นแผนจุดเรือไฟพุ่งเข้าเผากองทัพเรือโจโฉจนวอดวาย
ข้อคิดดัมมี่ ♠ การเก็บไพ่ขาบนขึ้นไปคอยโง่แบบเห็น ๆ ถือว่าเป็นการสร้างโอกาสน็อก แม้ว่าขาบนจะจำได้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็เป็นการกดดันให้เขาไม่กล้าตีตามและทำให้เขาเล่นยากขึ้น
ข้อคิดการบริหาร ส่งข่าวลวงให้คู่แข่งเช่น ใส่ข้อมูลหลอกให้คนที่ชอบนำข้อมูลไปปล่อย เปิดพื้นที่ให้เข้าเยี่ยมชมข้อมูลโดยไม่เปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดแล้วให้เขาสร้างข่าว อบรมทีมงานให้เป็น “สายลับ” ในแง่ของการสังเกตและรายงานข้อมูล
กลยุทธ์ที่ 34 กลทุกข์กาย
ยอมเจ็บเพื่อผลประโยชน์
การแสร้งทำร้ายตัวเอง ยอมสยบแก่ศัตรูเพื่อสร้างภาพลวงตาให้ศัตรูเห็นใจ เมื่อศัตรูตายใจหลงเชื่อ ไม่ทันระวังตัวก็ฉวยโอกาสโจมตี กลยุทธ์นี้จำเป็นต้องเสียสละอย่างมากเพื่อขอเข้าเป็นไส้ศึก หากยอมทรมานร่างกายจนแนบเนียนน่าเชื่อถือมักจะได้รับความเห็นใจและไว้วางใจจนทำการใหญ่สำเร็จ
กลทุกข์กายนี้ปรากฏเป็นครั้งแรกสมัยชุนชิว อู๋อ๋องเหอหลีได้อำนาจมาเพราะฆ่าอู๋อ๋องเหลียว ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง ซิ่งจี้ลูกชายอู๋อ๋องเหลียวหลบหนีไปได้และเตรียมการแก้แค้น อู๋อ๋องเหอหลีจึงคิดหาทางฆ่าซิ่งจี้ เอี้ยวหลีนักฆ่ารับอาสาจึงเสนอตัวหาเรื่องให้จับตัวเขาและตัดแขนขวาเขา อู๋อ๋องเหอหลีทำตามนั้น เอี้ยวหลีหนีไปอยู่กับซิ่งจี้จนเขาได้รับความไว้วางใจ เมื่อซิงจี้ยกกำลังจะเข้าตีอู๋อ๋องเหอหลี ขณะคนทั้งสองนั่งเรือข้ามฟากเอี้ยวหลีฉวยโอกาสที่ซิ่งจี้เผลอ ใช้ทวนสั้นในมือแทงหลังซิ่งจี้ ซิ่งจี้ไม่ตายทันทีหันหลังกลับมาจับเอี้ยวหลีไว้ หัวเราะและกล่าวว่า "เจ้ากล้าเสี่ยงชีวิตมาเอาชีวิตข้า ข้านับถือเจ้าจริง ๆ" แล้วสั่งคนบนเรือห้ามทำร้ายเอี้ยวหลีก่อนที่จะล้มตาย เอี้ยวหลีแม้จะทำสำเร็จก็รู้สึกยกย่องความกล้าหาญของซิ่งจี้ จึงใช้ทวนสั้นที่ฆ่าซิ่งจี้แทงตัวเองตายตามไปด้วย
ข้อคิดดัมมี่ ♠ ยอมเจ็บปวด ตีลงทุนหลายครั้งเพื่อหวังน็อก ผลสุดท้ายกลับขาดทุน ควรพิจารณาการลงทุนให้รอบคอบ ไม่นำตัวเองให้ตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง เกิดได้ควรเกิดหากจั่วอาจจะเสียเพิ่มอีกได้
ข้อคิดการบริหาร สร้างสถานการณ์ที่ดูเหมือนเป็นการเผชิญกับความยากลำบาก เพื่อให้อีกฝ่ายเห็นอกเห็นใจเช่น เปิดเผยสถานการณ์ทางการเงินที่ยากลำบากเพื่อต่อรอง ขอความเห็นใจหรือความยืดหยุ่นจากเจ้าหนี้ ยอมเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อร่วมกันฝ่าวิกฤตจะทำให้เกิดความร่วมมืออย่างมาก ยอมรับความผิดพลาดของตนเองเพื่อลดแรงกดดันจากคนอื่น
กลยุทธ์ที่ 35 กลลูกโซ่
วางแผนหลายชั้น
การใช้กลยุทธ์หลายชั้นเชื่อมโยงกันเหมือนโซ่ เพื่อล่อลวงศัตรูให้หลงกลและบังคับให้ติดกับดักทีละชั้น โดยแต่ละชั้นจะจำกัดทางเลือกทำให้ศัตรูไม่มีทางถอยและไม่มีทางชนะได้ง่าย
กลลูกโซ่นี้ ตำราพิชัยสงคราม ปิงฝ่าหยวนจีไต้ ได้เสนอแนวคิดขึ้นเป็นครั้งแรกว่า "ผู้ใช้กลอุบายจะใช้กลอุบายเดียวหาได้ไม่จะต้องมีหลายกลอุบายประกอบเกื้อหนุนกัน...ฉะนั้นผู้สันทัดการบัญชาศึกเมื่อจักใช้กลอุบายพึงนำไปสู่การปฏิบัติ เมื่อจะใช้ความแยบยลพึงระวังความเสียหาย เมื่อจะใช้กลยุทธ์พึงคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ เมื่ออุบายนี้ถูกขัดขวางก็มีอุบายอื่นติดตามมา เมื่อจุดนี้ขัดข้องก็มีอีกหลายจุดโผล่ผุดขึ้น มีร้อยอุบายพันกลยุทธ์ไม่รู้จักสิ้น อันทำให้ข้าศึกยากแก่การคาดคะเนแม้จะเข้มแข็งก็ต้องพ่ายแน่นอน" ตำนานสามก๊กมีกลลูกโซ่เกิดขึ้นมากมาย ตอน โจโฉแตกทัพเรือก็เป็นผลแห่งการใช้กลลูกโซ่ของจิวยี่อย่างโดดเด่น
ข้อคิดดัมมี่ ♠ วางแผนการเล่นเป็นขั้นตอนโดยการใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายตามวัตถุประสงค์และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์
ข้อคิดการบริหาร วางแผนกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงขั้นตอนต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบเช่น พัฒนาสินค้าที่เริ่มจากการสำรวจตลาด แล้วนำข้อมูลนั้นไปสู่ขั้นตอนออกแบบและการผลิต เปิดตัวสินค้าใหม่ที่ใช้แคมเปญการตลาดเชื่อมโยงไปสู่สินค้าอื่น ๆ จับมือกับพันธมิตรหลายฝ่ายเพื่อขยายตลาด เชื่อมผลประโยชน์เข้าด้วยกันลักษณะถอนตัวยาก
กลยุทธ์ที่ 36 หนี
ถอยหนีเพื่อชัยชนะ
หนีคือ ยอดกลยุทธ์ ยามต้องหลีกเลี่ยงการสู้รบขั้นแตกหักกับข้าศึก ทางออกจึงมี 3 ทาง ยอมคือแพ้ถึงที่สุด เจรจาสงบศึกคือแพ้ครึ่งหนึ่ง หนีอาจจะเปลี่ยนเป็นชนะได้ หากรู้ว่าแพ้ หนีดีกว่าแล้วค่อยกลับมาสู้ใหม่
ในบรรดา 36 กลยุทธ์ หนีคือกลยุทธ์ที่นับว่าเป็นเลิศ อันเป็นผลึกทางความคิดของจีน เป็นการสรุปมาจากตำราพิชัยสงครามหลายเล่ม ไม่ว่าจะเป็น กลยุทธ์ซุนวูกล่าวว่า "แข็งพึงเลี่ยงเสีย" "มีน้อยก็เลี่ยงหนี มีไม่ทัดเทียมก็หลบหลีก" ตำราไหวหนานจื่อ ฝึกการยุทธทหารที่ว่า "แข็งจึงสู้ อ่อนจึงหนี" ปิงฝ่าหยวนจีไต้ว่า "แม้นหลบแล้วรักษาไว้ได้ก็พึงหลบ" อู๋จื่อก็กล่าวว่า "เห็นควรก็บุก รู้ยากก็ถอย" คัมภีร์อี้จิงกล่าวไว้ว่า "ถอยหนีมิผิด เป็นวิสัยแห่งสงคราม" สรุปกลยุทธ์นี้ในสมัยราชวงศ์เหนือใต้ (ค.ศ. 420- 589) หวางจิ้งเจ๋อแห่งแคว้นฉีใต้แข็งข้อสู้กับหมิงตี้ จึงพูดเยาะเย้ยที่หมิงตี้หมดทางสู้แล้วหนีไปว่า "ก็เหมือนกับ 36 กลยุทธ์ของถานกง หนีคือยอดกลยุทธ์"
ข้อคิดดัมมี่ ♠ ไพ่ไม่มีอะไรสู้เขาได้ก็ให้เกิดไว้ก่อน ไม่ลงแข่งแต้มกับใครถ้ามีดัมมี่ จั่วขาดอย่าให้ถึงขามืด ตีตัวปลอดภัย ยอมให้ขาอื่นกินไปเกมนี้
ข้อคิดการบริหาร ถอยอย่างมีชั้นเชิงเพื่อรักษาทรัพยากรและรอจังหวะกลับมาใหม่เมื่อพร้อมกว่าเดิมเช่น ถอนตัวจากตลาดที่ไม่ทำกำไร หลีกหนีการแข่งขันที่เสียเปรียบ เลี่ยงการปะทะ ความขัดแย้งภายในองค์กร ลดขนาดลดจำนวน ลดต้นทุน ลดความเสี่ยง ชะลอการลงทุน ยกเลิกโครงการที่ไม่ให้ผลตอบแทน ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากแนวทางเดิมที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน